วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


ดีเอสไอ 
ชงฟ้องกรรมการ  ...ปิดมูลนิธิฯยายจันทร์
ยึดทรัพย์คืนแผ่นดิน
...............
               
               หลายสำนักข่าว ออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน  เรื่อง ดีเอสไอ ชงเรื่องฟ้องกรรมการวัด   ยึดทรัพย์ธรรมกาย   ฯลฯ กุ๊งกิ๊ง อ่านแล้ว  ก็อยากมาเขียนอะไรนิดหน่อย ตามความรู้อันน้อยนิด  จึงขอยกตัวอย่างมา  2 สำนักข่าว



              เนื้อข่าว...ดีเอสไอสั่งฟ้องกรรมการ-ปิดมูลนิธิฯยายจันทร์-ยึดทรัพย์คืนแผ่นดิน..เผยมีทรัพย์สินกว่า ๑๓,๐๐๐ บาท ต้องตกเป็นของแผ่นดิน ฐานสมคบกันฟอกเงิน




                        กุ๊งกิ๊งคิดว่า  ศาสนสมบัติ  ที่วัดพระธรรมกายสร้างอยู่นี้  เป็นสมบัติของแผ่นดิน  ของชาติอยู่แล้ว    ทำไมต้องมายึดให้เป็นของแผ่นดินอีก  มันแผ่นดินเดียวกันไหมนี่  ....หรือคิดอะไรกันอยู่  ทุกวันนี้  

                 วัดพระธรรมกายเป็นที่รู้จักของคนทั้งในและต่างประเทศระดับหนึ่ง  ว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม  นั่งสมาธิ  และสวดมนต์ที่อยู่ในประเทศไทย เป็นหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงได้ เพราะมีจุดเด่นที่ไม่มีที่อื่น เช่น มีเจดีย์พระพุทธเจ้า 1 ล้านพระองค์  ..สถานที่จุคนได้เป็นล้านคน เป็นต้น  

                 ขอย้อนหลังนิดหนึ่ง...นายศุภชัย ได้บริจาคเงินเป็นสาธารณกุศล จำนวนเงินทั้งหมด    หมื่นกว่าล้านบาท  ให้กับหลายองค์กร  ในจำนวนนี้ มีการถวายวัดพระธรรมกายด้วย   แต่ที่น่าสังเกตุคือ ....เรื่องการฟอกเงินจะโดนเฉพาะองค์กรวัดพระธรรมกายเท่านั้น    ส่วนองค์กรอื่น ๆ  ไม่มี ... ทั้ง  ๆ  ที่เป็นเงินก้อนเดียวกัน  คนบริจาคก็คนเดียวกัน   ....มันแปลกไหม.????... 


                 การบริจาคของนายศุภชัย....



                 ในจำนวนที่ได้รับบริจาคทั้งหมดนี้  มีวัดพระธรรมกาย  องค์กรเดียว  ที่ลูกศิษย์ได้ช่วยกันลงขัน และจ่ายคืนให้กับสหกรณ์เรียบร้อยแล้ว  เพราะเงินของคุณศุภชัยนั้น ได้เอาไปใช้ก่อสร้างเป็นศาสนสมบัติของชาติไปเรียบร้อยแล้ว  
                  
                 ต่อมา นายศุภชัย และหลวงพ่อวัดพระธรรมกายโดนข้อหา...ว่าร่วมคิดฟอกเงิน ทั้ง ๆ ที่ หลวงพ่อวัดพระธรรมกาย  ไม่เคยรู้เลยว่า  นายศุภชัยได้เงินมาอย่างไร  .. และหลวงพ่อวัดพระธรรมกายก็ไม่ได้รับด้วยตนเอง  ท่านไม่เคยจับเงินแม้แต่บาทเดียว ผ่านมาเป็นเช็คก็เข้าบัญชี สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด 

                 การบริจาคของวัดจะมี 2 แบบ สามารถทำด้วยตนเองที่ตู้รับบริจาค หรือมาถวายกับคณะสงฆ์ที่บริเวณพิธี  บางคนไม่เคยมาวัดฯ จะได้เห็นภาพ  จะมีคนจำนวนมาก ที่มาบริจาคเงินเพื่อร่วมสร้างศาสนสถาน ไม่ได้มีแต่นายศุภชัยคนเดียว  .. ดูจากแถวที่ยืนรอถวายปัจจัย... มีพระลูกศิษย์รับอยู่ด้านหน้า  หลวงพ่ออยู่ด้านหลัง (วงกลมสีน้ำเงินเล็ก)

                        
                            ...เมื่อเห็นจำนวนคนที่มาถวายแล้ว   ตามความเป็นจริง ..คุณคิดว่าพระคุณเจ้าจะสามารถถามทุกคนได้ไหม ??? ..ว่าคุณโยมเอาเงินมาจากไหน...มาถวายพระ....????   ....และโดยมารยาท  ควรถามหรือไม่ ????  


                   จนบัดนี้เรื่องบานปลายมาจนถึงอายัดอาคาร 100 ปี  อายัดมหารัตนวิหารคด  และจะชงเรื่องยึดบัญชีมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์อีก  ด้วยเหตุที่อ้างว่า  เป็นการฟอกเงิน  และเกี่ยวข้องกับนายศุภชัย ซึ่งความจริง เงินของนายศุภชัย เป็นแค่ส่วนน้อย ของอาคารทั้งหมดที่สร้าง  ส่วนใหญ่เป็นของผู้บริจาคคนอื่นทั้งสิ้น  

                       จากเรื่องราวของข่าว ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ Dsi ต้องการชงเรื่องให้ยึดบัญชีมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์  ด้วยเหตุของนายศุภชัยคนเดียว   ...กุ๊งกิ๊ง อยากถามว่า  แล้วคนอื่น ๆ ที่บริจาคมา อีก เป็นแสน เป็นล้านคน  จะมีใครมาช่วยคุ้มครองสิทธิ์ให้เขาบ้างไหมค่ะ   เพราะเขาคือเจ้าของเงิน  เป็นผู้เสียหายโดยตรง ....





ผู้ร่วมสร้างวัด และช่วยบริจาค
               
                   วัดพระธรรมกาย  ได้สร้างคน  หล่อหลอมให้เขาเป็นคนดีในสังคม  รู้จักเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่   เสียสละเพื่องานพระพุทธศาสนา  เป็นต้นบุญ ต้นแบบให้กับพุทธศาสนิกชน  คนที่มาวัดฯ ไม่ใช่คนรวยตั้งแต่ต้น  บางคน เริ่มจากยากจน .. บางคนเป็นหนี้ คิดฆ่าตัวตาย   ..บางคนมีทุกข์  แต่ทุกคนมาวัดฯแล้ว เขามีความสุขกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มทำบาทตั้งแต่ 1 บาท    10 บาท 100 บาท  1000 บาท .....มากขึ้นเรื่อย ๆ จนบางคนเป็นเศรษฐีน้อย ๆ   

                 เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่สาธุชนจำนวนมาก (ไม่ใช่นายศุภชัยเพียงคนเดียว) ทำบุญให้กับมูลนิธิคุณยายอาจารย์ฯ ก็เพื่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาออกไปทั่วโลก  สนับสนุนการสร้างพระให้เป็นพระแท้ สร้างคนให้เป็นคนดี นำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปให้แก่ชาวโลก อาคารสถานที่ต่างๆในวัดก็สร้างเพื่อใช้ในการขยายงานพระพุทธศาสนา    
             


                    สรุป...การบริจาคเงิน  การทำบุญเป็นเรื่องจิตใจ ไม่ใช่ทำธุรกิจ จะมาโยงไปเป็นหาฟอกเงิน ไม่สมควรอย่างยิ่ง ...จะเอาเรื่องของ 1 คน  ที่คิดว่าทำผิด  แล้วมาตัดสินยึดทรัพย์สินของวัด มันยุติธรรมหรือไม่  ???... ต่อไปวัด ฯ จะโดนกลั่นแกล้งได้ง่าย ...เพียงแค่อยากยึดวัดไหน  ก็สร้างเหตุการณ์ให้คนไม่ดีไปทำบุญ  แค่นี้ก็ยึดได้แล้ว  คุณว่าจริงไหม....   

                   เพราะฉะนั้น จะทำอะไรให้คิดกันบ้าง  เพราะสิ่งที่ทำจะเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตที่ถูกจารึกจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน   และจะเป็นแบบแผนบรรทัดฐานให้กับคนรุ่นหลังต่อไป  ทำดีก็ได้รับการสรรเสริญไปตลอด  ทำไม่ดี ก็จะได้รับการสาบแช่งไปตลอดเหมือนกัน




                 มูลนิธิคุณยายอาจารย์ฯ  จะคอยสนับสนุน การก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ  เพื่อใช้ในการขยายงานพระพุทธศาสนา เพื่อให้คนได้มาใช้สร้างความดีอย่างเดียว  

                              ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง  กุ๊งกิ๊งขอกราบวิงวอน และกราบเรียนทุกคนว่า  วัดพระธรรมกายไม่ยุ่งกับการเมือง  ไม่เกี่ยวกับเสื้อสีไหน ๆ ทั้งสิ้น  หากมาวัด  เอาเรื่องการเมืองวางไว้นอกวัด   แล้วเข้ามาสวดมนต์  นั่งสมาธิ  ปฏิบัติธรรมกัน  ให้ใจใส ๆ  แล้วกลับไปรวยกันดีกว่านะคะ  


#ธรรมะดีดี  #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์  #คนจริง #รักจริง  #จริงใจ #DSI #ดีเอสไอ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561



...ไปชวนบวชกันเถอะ...

บวชบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่  
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)

******************

                     การบวช ..เป็นการยกฐานะ จากผู้นับถือพระรัตนตรัย มาเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย  มีอานิสงส์มาก  ผู้บวชจะได้อานิสงส์ ถึง 64 กัปป์   คุณพ่อ คุณแม่ ได้บุญครึ่งหนึ่ง 32 กัปป์  ผู้ชวนบวชและร่วมอนุโมทนาบุญ ได้ 16 กัปป์ 

                  บุญพิเศษ..บวชบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่  ...ใครไม่ได้บวช..น่าเสียดายจัง  เพราะท่านเป็นพระผู้ปราบมาร ท่านเป็นบุคคลที่ควรเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นมหาปูชนียาจารย์ของเราถ้าหากไม่มีท่าน  ก็ไม่มีคุณยาย และก็ไม่มีเรา แล้วเราก็ไม่รู้เรื่อง ถึงแม้มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในพระไตรปิฎก แต่เราก็ไม่รู้เรื่อง เพราะถ้าหากเรารู้ก็ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งผู้ที่ทำให้เราได้รู้เรื่อง คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมาร 

                     เพราะฉะนั้น..1 ปี  มีครั้งเดียว ที่จะมีพระเดินธรรมยาตรา ไปอนุสรณ์สถานของพระเดชพระคุณหลวงปู่   สถานที่เกิด ...สถานที่บวช...สถานที่บรรลุธรรม...สถานที่ประกาศธรรม...สถานที่ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบวชตลอดชีวิต ...สถานที่เผยแผ่ ...และสถานที่รักษาธรรม  

                     ..เมื่อบุญใหญ่มาถึง ...ไม่ต้องคิดมาก ให้รีบตามกันมาบวช  การบวชในช่วงนี้  เป็นบุญใหญ่มาก ๆ  เพราะได้บูชาธรรมท่าน  โดยเริ่มจากตัวแทนคนในครอบครัว  ของตระกูลให้มาบวช  เพื่อบุญนั้น จะได้เชื่อมระหว่างหลวงปู่ กับครอบครัว และตระกูล   บวชเพื่อท่าน   แต่ได้ที่คนบวช

                  การเดินธรรมยาตรานี้ เดินกันมา  ปีนี้ก็เป็นปีที่ 7 แล้ว  เพราะฉะนั้น จะแผ่วไม่ได้  ต้องสู้กันต่อไป  ชายแมน ๆ อยู่ไหน ตอนนี้มาเอาบุญกับหลวงปู่  เอาบุญให้พระศาสนา  เอาบุญให้กับแผ่นดินไทยกันค่ะ  กุ๊งกิ๊งบวชไม่ได้  ..ได้แต่อนุโมทนาบุญ   ขอให้ทุก ๆ ท่านที่มาบวช  ได้บุญกันเยอะ ๆ เลยนะคะ 


                   น้องกุ๊งกิ๊ง และสุภาพสตรีทั้งหลาย  ไม่สามารถบวชได้  แต่อยากได้อานิสงส์การบวช  ก็ต้องไปชวนชายแมน แมน มาบวช   ยิ่งหลายคน  บุญบวชก็ยิ่งเยอะทับทวี  เกิดมาภพชาติใหม่ ก็จะได้เกิดเป็นผู้ชายกันทุก ๆ คนเลยค่ะ   


                   🌼กำหนดการและระยะเวลาของโครงการอุปสมบทหมู่รุ่นบูชาธรรม มหาปูชนียาจารย์เพื่อธรรมยาตรา รุ่นที่ 2🌼

                    ⏰ระยะเวลาโครงการ : เริ่มเข้าการอบรมวันที่ 1 ธ.ค. 61 ถึง วันที่ 3 ก.พ. 62 ณ ศูนย์อบรมทั่วประเทศ โทร. 02-831-1234

                   📱สำหรับที่ศูนย์อบรมวัดพระธรรมกาย สมัครได้ที่ มหารัตนวิหารคด 1 และ 11 โทร. 09-6795-3472 , 09-2006-1620





วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

....ประเด็นดัง ....

มหารัตนวิหารคด
วัดพระธรรมกาย 

                       มหารัตนวิหารคด  เริ่มสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2547  ตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กผิวเปลือย 2 ชั้น รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสรายล้อมรอบลานธรรมและองค์มหาธรรมกายเจดีย์ มีความยาวด้านละ 1 กิโลเมตร  มีพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งจะสามารถรองรับพุทธบริษัทที่มาร่วมประกอบพิธีแต่ละครั้งได้ถึง 1 ล้านกว่าคน

                           วันนี้กุ๊งกิ๊งจะนำเรื่อง...กระแสข่าวเรื่องการอายัด มหาวิหารคด วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2561 ...มาอธิบาย ขอเรียนทุกท่านว่า การอายัด หมายถึง กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ห้ามจำหน่ายจ่ายโอน ห้ามอ้างสิทธิ์หรือทำนิติกรรมใด ๆ ต่อทรัพย์สินนั้น ส่วนการยึด หมายถึง กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินมีการเปลี่ยนแปลง อาจตกเป็นของแผ่นดินหรือเจ้าหนี้  แต่ ณ เวลานี้ ในทุกๆวัน ยังคงมีสาธุชนจำนวนมาก มาสวดมนต์ เวียนประทักษิณและบูชามหาธรรมกายเจดีย์ ณ มหาวิหารคด เป็นปกติ" 


สาธุชนได้ร่วมกันเทฐานรากวิหารคด



                     อาคารภายในวัดพระธรรมกาย  ถึงแม้เป็นของมูลนิธิ แต่เป็นศาสนสถาน เป็นสมบัติของพระศาสนา ใช้งานเป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา  และสอนศีลธรรมให้กับประชาชนคนทั่วโลก                    อาคารทุกอาคาร เป็นสมบัติของสงฆ์ เกิดจากการบริจาคทรัพย์กันคนละเล็ก คนละน้อย ของพุทธศาสนิกชนจำนวนเป็น 1,000,000  คน จึงไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่ง ...    แม้เส้นทางการเงินของนายศุภชัย จะผ่านมาบ้าง  แต่ก็เป็นส่วนนิดเดียว  เมื่อเทียบกับจำนวนคนมหาศาลที่ช่วยกันบริจาคให้มาก่อสร้าง วิหารคดนี้ 

                   และประการสำคัญคือ คุณยายอาจารย์ท่าน ท่านได้นำวัด และอาคารทั้งหมด  บนพื้นที่ กว่า 2500 ไร่ นี้ ได้ถวายเป็นพุทธบูชา  เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา      มีพระสงฆ์  ถือเป็นเป็นลูกของพระพุทธองค์  ได้ดูแลรักษา  สืบทอดพระศาสนากันต่อไป 



                    สิ่งที่ลูกศิษย์วัดควรทำ คือ  จะต้องมีความรัก  ความสามัคคีกัน    เชื่อใจการทำงานของคณะกรรมการบริหารของวัดฯ ที่เคยทุกข์ เคยสุขมาด้วยกัน  ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ มาพร้อมกับหลวงพ่อที่เคารพรักทั้ง 2 รูป  ... และหลวงพี่ทุกรูปชุดบุกเบิก    ถ้าเรารวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน  วัดพระธรรมกายก็ยังคงอยู่ต่อไป จนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน 

                     วัตถุประสงค์หลักที่สร้างวัดพระธรรมกาย นอกจากนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม แล้ว ยังเป็นการรวบรวมพี่น้องชาวพุทธที่กระจัดกระจาย  และเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธทั่วโลก  ขณะนี้วัดพระธรรมกายสามารถรองรับพุทธศาสนิกชนได้อย่างน้อย 1 ล้านแล้ว พึงช่วยกันรักษา ทำนุบำรุงคนละไม้คนละมือ  ให้อุปสรรคต่าง ๆ สำเร็จได้โดยดี  ให้คิดเสมอว่า #วัดพระธรรมกายคือลมหายใจพระพุทธศาสนา   แล้วพุทธศาสนิกชนจะได้ใช้สถานที่บำเพ็ญบุญอย่างนี้ไปนาน ๆ 



                      อีกอย่างหนึ่ง  หากลูกศิษย์วัดอยากช่วยวัด  ให้ทุกคน อยู่ในบุญกุศล  มาสวดธัมมจักรกัน  ให้ใจใส ๆ  จะได้เอาบุญใหญ่ให้กับพระพุทธศาสนา  ประเทศชาติ  และหลวงพ่อของเรา   โดยเป้าหมายอย่างย่อ ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ เป้า 877,777,777   และสิ้นปีนี้  เป้าหมายต้องถึง 1000,000,000 ล้านจบ  

                       กุ๊งกิ๊งคิดว่า ศัตรูที่แท้จริง  ไม่ใช่มนุษย์    มนุษย์คือพี่น้องกัน     เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ ช่วยประคับประคองกันไป  สักวันหนึ่ง ความจริงต้องประจักษ์ออกมาแน่นอน   เพียงแต่ให้เชื่อมั่่นในผู้นำ  ว่าอย่างไรก็ว่าตามกันไปก่อน   วัดพระธรรมกายก็มีแนวทางการปฏิบัติ ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ขอให้เชื่อมัน และทำตาม     แค่นี้ก็พอในเบื้องต้นนี้    



                         ท้ายสุดนี้ กุ๊งกิ๊งคิดว่า วัดพระธรรมกาย  เป็นของพระพุทธเจ้า  มีพระพุทธเจ้าคุ้มครอง  มาทำสิ่งดี ๆ บนสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้เถิด  มาเก็บเกี่ยวบุญ ในแผ่นดินของพระพุทธเจ้า  กันให้เต็มที่  ชาตินี้มาเจอกันแล้ว  มาเจอแหล่งแห่งบุญแล้ว  อีกไม่นานก็ต้องละจากโลกนี้ไปแล้ว   อย่าเอาบาปติดตัวไปอีกเลยค่ะ
................................................

#รักหลวงพ่อ #ที่สุดแห่งธรรม #รู้เท่าเสียครึ่ง รู้ไม่ถึงเสียหมด #อย่าหลงกลพญามาร #วัดพระธรรมกาย #ธรรมกาย   #วัดพระธรรมกาย  #คือลมหายใจพระพุทธศาสนา  

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

นันทยักษ์

 สร้างกรรมอย่างไร ...จึงถูกธรณีสูบ..

************

                      นันทยักษ์ เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดชมากตนหนึ่ง   วันหนึ่ง นันทยักษ์ได้เหาะเหินเดินอากาศมากับเหมตายักษ์ ผู้เป็นสหาย  ผ่านมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง  เจอพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ  เข้านิโรธสมาธิสมบัติอยู่   ทำให้นันทยักษ์ และเพื่อน ไม่สามารถผ่านไปได้  เพราะในบริเวณนั้นว่างเปล่าจากอากาศธาตุนันทยักษ์เหาะผ่านไม่ได้ จึงเกิดบันดาลโทสะ  บอกเพื่อนว่า  เราจะตีศีรษะพระเถระนี้   

                  เพื่อนชื่อเหมตายักษ์  ได้ห้ามไว้ถึง 3 ครั้ง  บอกว่า อย่าทำเลย ...พระรูปนี้ มีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพมาก    ไม่สามารถทำอะไรท่านได้หรอก  แต่นันทยักษ์ ไม่เชื่อ  ด้วยแรงกรรมในชาติปางก่อนนั้น นันทยักษ์ได้อาฆาตพยาบาทพระเถระเอาไว้ จึงมีจิตคิดกระทำปาณาติบาตต่อพระสารีบุตรด้วยความพาลในสันดาน 

                    นันทยักษ์ก็มิฟัง เหาะขึ้นบนอากาศ ใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธแห่งตนฟาดลงบนศีรษะของพระสารีบุตรอย่างแรง  ความแรงแห่งการฟาดนั้น สามารถพังภูเขาได้ในคราวเดียวถึง 100 ลูก  แต่เนื่องจากพระสารีบุตร  ยังอยู่ในนิโรธสมาบัติ   จึงไม่ได้รับอันตรายจากการประทุษร้ายของนันทยักษ์   แต่รู้สึกแค่เจ็บที่ศีรษะเท่านั้น   นันทยักษ์นั้น  เมื่อเห็นพระสารีบุตรไม่ได้รับอันตราย ก็ยิ่งโมโห  มีอารมณ์เหมือนเพลิงที่เร่าร้อน    กล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ เราร้อน … เราร้อน ” แล้วตกลงมาจากอากาศ แผ่นดินเปิดช่องดึงร่างของนันทยักษ์ หายลับตาไปในอเวจีมหานรก 

                     จะเห็นได้ว่า  นันทยักษ์  ไม่ได้ทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่ทำร้ายพระอรหันต์  กำลังเข้านิโรธสมาบัติ  ซึ่งมีกำลังบาปที่มีกำลังมาก    แผ่นดินจึงต้องแยก  แล้วสูบนันทยักษ์ ไปสู่อเวจีในทันที    
                     เพราะฉะนั้นการเกิดมาชาตินี้  เกิดมาเจอพระพุทธศาสนาแล้ว  ใครที่ได้ทำบุญก็จะได้บุญมาก  ในทางกลับกัน  หากใครทำบาป  ก็บาปมหันต์  มันเหมือนดาบ 2 คม   เพราะฉะนั้น เรื่องกฏแห่งกรรมนี้  เป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง  

                   โดยเฉพาะการกระทำที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลาย  เราไม่รู้ว่าท่านมีญาณวิเศษแค่ไหน  หากทำผิดพลาดล่วงเกินท่านไป  มันเป็นกรรมหนักมาก ๆ   ผลกรรมอาจจะยังไม่เห็นทันทีทันใด เหมือนอย่างทำกับพระสารีบุตร  ซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่     แต่ถึงอย่างไร ต้องมีผลแน่นอน  

                     กุ๊งกิ๊ง  จึงอยากจะฝากไว้ว่า  จะทำสิ่งใดกับพระมหาเถระ  ทั้งที่เป็น กรรมการ มหาเถรสมาคม หรือไม่ก็ตาม   ควรทำด้วยจิตเมตตา  คิดให้ดีก่อนทำ  ทำสิ่งใดก็ตามควรรู้เรื่องจริงก่อนแล้วค่อยทำ  เพราะการกระทำทุกอย่างมันคือวิบากกรรมทั้งสิ้น     ให้ความเป็นธรรมกับท่านบ้าง  จะได้บุญได้กุศลกันไป  เกิดมาชาตินี้ ไม่กี่ปีก็ตายแล้ว อย่าเอาบาปไปเลยนะคะ  กุ๊งกิ๊งเป็นห่วง  รักทุกคนนะค่ะ


#ธรรมะดีดี  #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์  #คนจริง #รักจริง  #จริงใจ #กรรม #กุ๊งกิ๊ง

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


...ทำไม...??  
ธรณีสูบ...พระเจ้าสุปปพุทธะ

                       
        วันนี้กุ๊งกิ๊งจะมาเล่า case study  เรื่องของบุคคลที่...มาสว่าง ... แต่กลับไปมืด  คือ เกิดมามีตำแหน่งสูงส่ง เป็นถึงกษัตริย์  แต่เนื่องจากไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม  ไม่เชื่ออานุภาพของพระพุทธเจ้า  ได้ทำกรรมหนักกับพระพุทธองค์ ...อีกทั้งมีความแค้น 2 เรื่อง คือ พระเทวทัต ต้องถูกธรณีสูบ  และพระนางพิมพา เป็นหม้าย  ด้วยเหตุนี้ จึงคิดทำกรรมอันไม่สมควร กับพระพุทธองค์ ผลกรรมจึงหนักมาก เพราะฉะนั้นกฏแห่งกรรม  เป็นเรื่องที่สำคัญ  ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร  แต่ควรศึกษาไว้ติดขาติดแข้งไว้บ้าง ก็จะไม่ขาดทุนที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในชาตินี้ 
   
         บุคคลที่ทำกรรมหนัก จนถูกธรณีสูบ  ในสมัยพุทธกาล มี อยู่ 5 คนด้วยกัน  คือ พระเทวทัต... พระเจ้าสุปปพุทธะ ...นันทมาณพ...นันทยักษ์...และนางจิญจมานวิกา   ในวันนี้จะนำเรื่องพระเจ้าสุปปพุทธะ  มาเล่าให้ดูว่า พระเจ้าสุปปพุทธะทำอะไรมาบ้าง  ธรณีถึงต้องสูบลงอเวจีมหานรก....

                        พระเจ้าสุปปพุทธะ เป็นกษัตริย์แคว้นโกลิยะ เป็นพ่อของเจ้าชายเทวทัต     และพระนางยโสธรา หรือ พิมพา    เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบลงมหาอเวจีนรก  ก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ   พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาเป็นม่าย มีความผูกอาฆาตในพระศาสดา ด้วยเหตุ ๒ ประการนี้

                           วันหนึ่งทรงดำริว่า " เราจักไม่ให้พระสมณโคดม ไปฉันยังสถานที่นิมนต์"  จึงปิดทางเป็นที่เสด็จไป นั่งเสวยน้ำจัณฑ์ในระหว่างทางที่พระศาสดาทรงเสด็จผ่าน  พร้อมภิกษุสงฆ์มาในที่นั้น พวกมหาดเล็กได้ทูลว่า "พระศาสดาเสด็จมาแล้ว." จึงบอกให้มหาดเล็กไปล่วงหน้าก่อน และให้บอกว่า ‘พระสมณโคดมองค์นี้ ไม่ได้ใหญ่กว่าเรา’ เราจักไม่ให้ทางแก่พระสมณโคดมนั้น"

                             แม้พวกมหาดเล็กทูลเตือน ก็คงประทับนั่งรับสั่งอย่างนั้น      พระศาสดาไม่ได้หนทางจากสำนักของพระมาตุละ (ลุง) แล้วจึงเสด็จกลับจากที่นั้น. ทำให้พระองค์ไม่ได้เสวยพระกระยาหารในวันนั้น  พระเจ้าสุปปพุทธได้ส่งคนสอดแนม ให้ไปฟังคำของพระศาสดา แล้วให้กลับมาบอก

                             พระศาสดา ทรงทำการแย้มพระโอฐ พระอานนทเถระทูลถาม...พระองค์ตรัสว่า "อานนท์ เธอเห็นเจ้าสุปปพุทธะไหม?"   พระอานนทเถระทูลว่า "เห็น พระเจ้าข้า."

                             พระศาสดาตรัสว่า "เจ้าสุปปพุทธะนั้นไม่ให้ทางแก่พระพุทธเจ้าผู้เช่นเรา ทำกรรมหนักแล้ว, ในวันที่ ๗ แต่วันนี้ ท้าวเธอจักเข้าไปสู่แผ่นดิน (ธรณีสูบ) ณ ที่ใกล้เชิงบันได ในภายใต้ปราสาท."  คนสอดแนมได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ไปสู่สำนักของเจ้าสุปปพุทธะๆ กราบทูลตามที่ตนได้ยินแล้ว. เมื่อเจ้าสุปพุทธะฟังแล้ว  ตรัสว่า     "บัดนี้ โทษในการพูด (ผิด) แห่งหลานของเราย่อมไม่มี เธอตรัสคำใด คำนั้นต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทีเดียว, แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น คราวนี้ เราจักจับผิดเธอด้วยการพูดเท็จ     ตั้งแต่วันนี้ไป เราจักไม่ไปสู่ที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราไม่ถูกธรณีสูบในที่นั้นแล้ว จักข่มขี่เธอด้วยการพูดเท็จ.

        ทรงรับสั่งให้พวกมหาดเล็กขนเครื่องใช้สอยของพระองค์ออกทั้งหมดไว้บนปราสาท ๗ ชั้น ให้ชักบันได ปิดประตู ตั้งคนแข็งแรงประจำไว้ที่ประตู ประตูละ ๒ คน ตรัสว่า "ถ้าเราจะลงไปข้างล่างโดยความประมาท พวกเจ้าต้องห้ามเราเสีย" แล้วประทับนั่งในห้องอันเป็นสิริบนพื้นปราสาทชั้นที่ ๗.

           ในวันที่ ๗ ในเวลาเดียวกับเวลาที่เจ้าสุปปพุทธะปิดหนทางภิกษาจารของพระศาสดา ม้ามงคลของเจ้าสุปปพุทธะในภายใต้ปราสาทคึกคะนอง กระแทกฝาเสียงดัง   ท้าวเธอได้สดับเสียงของม้านั้น จึงตรัสถามว่า "นั่นอะไรกัน?"                พวกมหาดเล็กทูลว่า "ม้ามงคลคะนอง." ส่วนม้านั้น พอเห็นเจ้าสุปปพุทธะ ก็หยุดนิ่ง.

                             ขณะนั้น ท้าวเธอมีพระประสงค์จะจับม้านั้น ได้เสด็จลุกจากที่ประทับบ่ายพระพักตร์มาทางประตู. ประตูทั้งหลายเปิดเองทีเดียว บันไดตั้งอยู่ในที่ของตนตามเดิม คนแข็งแรงผู้ยืนอยู่ที่ประตูจับท้าวเธอที่พระศอ ผลักให้มีพระพักตร์คะมำลงไป.     ท้าวเธอถูกแผ่นดินสูบไปเกิดในอเวจีนรก    ขณะนั้น มหาปฐพีแตกแยกออกคอยรับเจ้าสุปปพุทธะนั้นผู้ถึงที่ใกล้เชิงบันไดที่ภายใต้ปราสาทนั่นเอง, ท้าวเธอไปบังเกิดในอเวจีนรกทันที

                             พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ตรัสว่า     "ภิกษุทั้งหลาย เจ้าสุปปพุทธะมิใช่จะนั่งบนพื้นปราสาทอย่างเดียว ต่อให้เหาะขึ้นไปสู่เวหาส นั่งในอากาศก็ตาม ไปสู่สมุทรด้วยเรือก็ตาม เข้าซอกเขาก็ตาม,  ธรรมดาพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะเป็นสองไม่มี,        ท้าวเธอจักถูกธรณีสูบในสถานที่เราพูดไว้นั่นแหละ"   เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-

                             น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ               น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสํ
                             น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส        ยตฺรฏฺฐิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจุ.
                             บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้,
                             หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้, หนีไปสู่ซอก
                             ภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ (เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่ง
                             แผ่นดินใด ความตายพึงครอบงำไม่ได้ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่.


เรื่องเจ้าสุปปพุทธศากยะ จบ
ปาปวรรควรรณนา จบ
วรรคที่ ๙ จบ.

................................................
                  กุ๊งกิ๊ง คิดว่า เรื่องกฏแห่งกรรม ควรเชื่อไว้บ้าง เพราะเป็นเรื่องหลังความตาย  ไม่มีใครมาบอกได้ เราจะรู้เมื่อตายไปแล้ว  ไม่มีโอกาสกลับมาแก้ตัวอีก  นอกจากผู้ที่นั่งสมาธิ จนมีญาณหยั่งรู้  สามารถรู้ เห็นได้ด้วยตาธรรมกาย  หรือตาทิพย์  เพราะฉะนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า  เชื่อ...ไว้สักครึ่งหนึ่งก่อนก็ยังดี  หากมีจริง เรายังมีความดีครึ่งหนึ่งช่วยไม่ให้ตกนรกลึก  หรือจะเชื่อ...ทั้งหมดก็ยิ่งดี  จากเรื่องนี้  หากเจ้าสุปปพุทธะรู้เท่าทันกฏแห่งกรรม   ก็จะไม่พลาดพลั้ง  ไปตกนรกอเวจีอย่างนี้แน่นอน 

#ธรรมะดีดี  #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์  #คนจริง #รักจริง  #จริงใจ #กรรม #กุ๊งกิ๊ง



วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


'วัดพระธรรมกาย' ....เกิดอะไรขึ้น? 
มีกระแสปลดคณะผู้บริหาร.

*****************
            
                  กว่าจะมาเป็นวัดพระธรรมกายในวันนี้  เกิดจากการทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เลือดเนื้อและชีวิตของรุ่นบุกเบิกมาเท่าไหร่ ...สร้างกันมาด้วยความยากลำบาก ต้องอดทนต่อการไม่เข้าใจของหลาย ๆ ฝ่าย อดทนการกระทบกระทั่งกันเอง มีความลำบากต่อสู้ฝ่าฝันมาด้วยกัน  เหตุไฉนวันนี้ กลุ่มลูกศิษย์บางคนที่บอกว่ารักวัด รักหลวงพ่อ รักพระพุทธศาสนา ต้องมาใส่หน้ากาก ไล่ผู้บริหารวัดออกไป   

                   ล่าสุด คุณอัยย์ เพชรทองได้ให้สัมภาษณ์ ช่อง now 26 วันที่ 1 พ.ย. 61 เวลา 12.04 น. บอกว่า  เห็นวัดไม่ชอบมาพากล .. อยากจะทวงวัดคืนให้กับชาวพุทธ ... ให้กับคนที่มีใจบริสุทธิ์ ...  อยากทำตามที่คุณยายต้องการคือทำวัดให้เป็นวัด  ... เพราะตอนนี้มันเน่า มันเลอะ ไปกันใหญ่แล้ว 

                             
                             โธ่ถัง กะละมังแตก ....วัดพระธรรมกาย เป็นวัดของชาวพุทธอยู่แล้ว  คนที่อยู่ในวัด ก็มีใจสะอาดบริสุทธิ์ หน้าตาผ่องใส  เพราะมีการสวดธัมมจักรกันทั้งวันทั้งคืน  และมีการนั่งสมาธิทุกวันอาทิตย์  ส่วนพระภิกษุ  อุบาสก  อุบาสิกา  เจ้าหน้าที่ทุกสถานภาพ นั่งสมาธิกันทุกวัน ....คิดว่า  ไม่มีความจำเป็นต้องทวงสิทธิ์ให้ใคร ...เพียงแต่เรื่องนี้ขอให้คุณอัยย์ยุติบทบาทที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง  ทุกอย่างก็จะสงบ 

                   ขอให้ทุกคนทำตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น  ผู้บริหารก็มีหน้าที่ในการดูแล กำหนดนโยบาย การทำงานขององค์กร..  เด็กวัดก็มีหน้าที่ของเด็กวัด ...  ส่วนเจ้าภาพและสาธุชนก็มีหน้าที่ของเจ้าภาพและสาธุชน  ไม่ควรเล่นให้ผิดบทบาท  ทุกอย่างที่ผู้บริหารทำ  ย่อมมีเหตุผลรองรับเสมอ  เพราะทุกคนไม่ได้ทำตามอำเภอใจ  มีมติจากที่ประชุมชัดเจน 

                         คุณอัยย์ต้องถามตัวเองว่า      ในขณะนี้     ที่ทำอยู่ มันใช่บทบาทของลูกศิษย์วัดหรือ ??? (ใส่หน้ากากแล้วไล่ผู้บริหาร)  หรือ (ไปร้องเพลงวัดกูมี...) ไปออกข่าวที่ไหน ก็ไปอ้างตัวว่าเป็นศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย  และอ้างว่าทำเพราะรักหลวงพ่อ  อย่าเอาความรักหลวงพ่อมาย้อนศร ทำลายวัดตัวเองเลย 

                      คุณยายอาจารย์ท่านเป็นอาจารย์หลวงพ่อทั้งสอง ท่านเป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดมา  แต่เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว ท่านเข้าไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสว่า ท่านขอเป็นแค่ศิษย์วัด ขอแค่ข้าวทานไปมื้อ ๆ ส่วนการบริหารจัดการวัด เรื่องราวอะไรต่าง ๆ เป็นของหลวงพ่อเจ้าอาวาสทั้งหมด  นี่เป็นคุณธรรมของครูบาอาจารย์ เรา

                       พวกเราก็เช่นเดียวกัน  แม้ว่าทุกคนช่วยกันสร้างวัดมา ด้วยความเหนื่อยยาก  เงินทองไม่ได้หามาได้ง่าย  ยังอดออมมาเพื่อทำบุญ  เพราะอยากได้บุญ หน้าที่เราคือเก็บเกี่ยวบุญให้เต็มที่ในช่วงชีวิตหนึ่ง   ส่วนเรื่องของวัดก็ให้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์  ให้ท่านบริหารจัดการกันเอง  เราไม่ควรไปยุ่ง เพราะมันจะทำให้วุ่นวายเหมือนวัดอื่น ๆ เข้าทำนองวัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง ... หากว่ามีพระเป็นหนอน  พระท่านก็จัดการของท่านเอง  เป็นการภายในในส่วนของท่าน   

                      และถ้าหากเราไปกล่าวหาท่าน โดยที่เราไม่รู้จริง ...หากท่านไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ..  เราไม่แบกบาป แบกกรรมไปแย่หรอกหรือ ...  แล้วมันจะคุ้มไหม..???.กับการลงมาเกิดในชาตินี้???   ..ขอให้เชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม  เอาตัวเองให้รอด  อย่าเป็นเหยื่อของพญามาร  พญามารมันวางกับดักล่อหลอกเราตลอดเวลา

                         
               เพราะฉะนั้นถ้ารักหลวงพ่อจริง ต้องไม่ทำแบบนี้    หลวงพ่อไม่เคยสอนให้ลูกๆ แตกความสามัคคีกัน   มีแต่สอนให้รักกัน สามัคคีกัน และฝากฝังให้ดูแลวัด ดูแลพระศาสนาแทนหลวงพ่อ ในยามนี้ ยิ่งต้องช่วยกันให้มีความรัก สามัคคีให้มากขึ้นกว่าเดิม  เพราะเรารู้ว่าภัยศาสนามีรอบด้าน   
  
                     สำหรับคุณอัยย์ ยังจำได้ไหม...??? ตอนที่วัดเดือดร้อน ถูกทหารล้อมด้วยคำสั่ง ม.44 คุณอัยย์ เป็นคนหนึ่งที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ต่อสู้กันมาด้วยความยากลำบาก ยังนึกถึงบุญออกไหมค่ะ  ...ส่วน พระผู้บริหารของวัด ยิ่งเสียสละมากกว่า  หากวันนั้นไม่มีพระผู้บริหารชุดนี้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อวัด เพื่อหลวงพ่อ ป่านฉะนี้...วัดพระธรรมกายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  ท่านทำงานหนักมาก  หามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน  ท่านเสียสละมากกว่าพวกเราเยอะ เพราะฉะนั้นให้เห็นความสำคัญซึ่งกันและกัน 

                      อยากให้คุณอัยย์ถามตัวเองว่า มาวัดเพื่ออะไร ???  ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่  ...ตอนนี้ยังไม่สาย  ยังมีลมหายใจอยู่  สามารถกลับอกกลับใจได้  คนเรามีการเกิดและการตายมี 4 แบบ คือ มาสว่าง  ไปสว่าง ....บางคน มาสว่าง  แต่ไปมืด....บางคน  มามืด  แต่ไปสว่าง ....บางคน  มามืด  แล้วก็ไปมืด...  เราจะเลือกแบบไหน  ตัดสินใจกันนะคะ

                                 ท้ายสุดนี้  กุ้งกิ้งอยากบอกว่า ถ้าเรารู้เท่าก็จะเสียครึ่ง  ถ้าเรารู้ไม่ถึงจะเสียหมด  จะทำอะไรก็คิดให้รอบด้านว่าจะเกิดผล อย่างไรบ้าง ก่อนที่จะสายเกินไป...  และฝากบทความที่คนข้างนอกเขียนไว้  ให้อ่านเป็นข้อคิด ของเดลินิวส์ ดังนี้   'วัดธรรมกาย'เกิดอะไรขึ้น? มีกระแสปลดคณะผู้บริหาร... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/article/674301


ชนะวิกฤต​ Covid-19 ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่

ชนะวิกฤต​ Covid-19   ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่       ช่วงนี้คงได้ข่าวเกี่ยวกับ รมต.สำนักนายก ได้เสนอให้มหาเถรสมาคม  ถ่ายท...