วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563

ชนะวิกฤต​ Covid-19 ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่


ชนะวิกฤต​ Covid-19 
 ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่



      ช่วงนี้คงได้ข่าวเกี่ยวกับ รมต.สำนักนายก ได้เสนอให้มหาเถรสมาคม  ถ่ายทอดบทสวดมนต์ ‘บทพระรัตนสูตร’ และ กราบทูลเชิญเสด็จ “สมเด็จพระสังฆราช” เป็นองค์ประธานในพิธี 25 มี.ค. ชวนประชาชนร่วมสวดมนต์แบบถ่ายทอดสด “บทพระรัตนสูตร” สร้างขวัญ กำลังใจฝ่าวิกฤต Covid-19

       หลาย ๆ ท่านฟังแล้วก็สุดแสนจะดีใจ  เพราะเรื่องเหล่านี้ มีมาตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล  หลาย ๆ ท่านก็ทราบกันดีแล้ว ในที่นี้จะขอนำมาทบทวนเรื่องราวโดยย่อดังนี้

ครั้งหนึ่งกรุงเวสาลีเกิดทุพภิกขภัย ชาวเมืองมากมายต้องล้มตายจำนวนมาก พวกอมนุษย์ได้กลิ่นคนตายก็พากันมา  รบกวนมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ผู้คนก็ล้มตายเพิ่มอีก เพราะอดอยาก สกปรก จนเกิดอหิวาตกโรค
ชาวเมืองไปกราบทูลพระราชาเพื่อหาวิธีปัดเป่าภยันตรายที่เกิดขึ้น   บรรดาเจ้าลิจฉวีจึงตกลงให้นิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา   พระพุทธองค์ทรงทราบว่าดีว่า  เมื่อตรัสรัตนสูตรในกรุงเวสาลี การอารักขาแผ่ไปแสนโกฏิจักรวาล  เมื่อฟังจบสัตว์ 84,000 จะตรัสรู้ธรรม  นับเป็นประโยชน์ถึง 2 ทาง จึงทรงรับนิมนต์ไป
พระเจ้าพิมพิสาร เมื่อทรงทราบว่าพระพุทธองค์เสร็จ  ทรงรับสั่งให้ปรับพื้น ถมดิน ทำทางให้เรียบ ให้ปลูกที่ประทับแรมทุกโยชน์   เพื่อเตรียมต้อนรับพระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป
เมื่อเสด็จถึงนครเวสาลี พระพุทธองค์แค่ยกพระบาทแรกวางลงริมฝั่งแม่น้ำคงคา ฝนโบกขรพรรษก็โปรยเม็ดลงมา ซากศพทั้งปวงถูกน้ำพัดส่งลงสู่แม่น้ำคงคา  ท้าวสักกะให้อมุษย์ทั้งหลายต้องหลบหนีไปจากเมืองเวสาลีเป็นอันมาก
พระองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงเรียนรัตนสูตรนี้ ถือเครื่องประกอบพลีกรรม เที่ยวเดินไประหว่างปราการ 3 ชั้นแห่งกรุงเวสาลีกับพวกเจ้าลิจฉวีราชกุมาร ทำพระปริตร แล้วได้ตรัสรัตนสูตร
เมื่อพระอานนท์เริ่มกล่าวว่า ยงฺกิญฺจิ เท่านั้น พวกอมนุษย์ที่อาศัยกองขยะและที่ฝาเรือนเป็นต้น ซึ่งยังไม่หนีไปในตอนแรก ก็พากันหนีไปทางประตูทั้ง 4 อย่างหนาแน่น บางพวกต้องทลายกำแพงเมืองหนีไป   เมื่ออมนุษย์ไปแล้ว โรคจึงสงบลง พวกมนุษย์ทั้งหลายก็พากันออกมาบูชาพระเถระด้วยดอกไม้ของหอมเป็นต้น 
นี่เป็นเรื่องของอานุภาพของบุญ เป็นเรื่องอจินไตย เกินกว่าที่ใคร ๆ จะเอามาคิดได้ 

สำหรับประเทศไทย  ในวันที่ 25 มีนาคมนี้ เป็นวันดี  มีสิริมงคล เป็นวันที่พระสงฆ์และประชาชนทั้งประเทศ  ได้ร่วมใจกันทำตามที่สมเด็จพ่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ได้ทำไว้เป็นแบบอย่างแล้วนี้    
นอกจากการสวดมนต์แล้ว  การจะชนะโรคระบาดนั้น จะต้องระมัดระวังเรื่องการดูแลและป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย อย่างที่คุณหมอและสาธารณสุขแนะนำด้วย เช่น
อยู่ในบ้านไม่เดินทางไปไหน ๆ 
...ไม่ไปในที่ชุมชน หลีกเลี่ยงที่มีคนหนาแน่น
...คุยกันห่าง 1 เมตร อย่าใกล้ชิดกัน อย่าโอบกอดกัน
...อยู่ห่างจากคนไอและจาม
...หากรู้ว่าตัวเองติดโรคก็ต้องระมัดระวัง ไม่ให้ไปติดคนอื่น เพื่อรับผิดชอบต่อสังคม
 ...ไม่สัมผัสกับคนอื่น
...พยายามเลี่ยงการรับประทานอาหารในที่สาธารณะ
...ทานของร้อน ๆ 
...ใช้ช้อนของตนเอง
...และล้างมือบ่อย ๆ รักษาความสะอาดให้ดี 

เมื่อทุกคนปฏิบัติอย่างนี้ จะทำให้ ตัวเอง..ครอบครัว...เพื่อนบ้าน...ประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤต Covid -19 นี้ ได้อย่างแน่นอน ขอให้ทุกท่านรอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ ด้วยความสุข  ปลอดภัยและราบรื่น ด้วยเทอญ.

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563

ศ.ดร.จำนงค์ ชี้เรื่องของพระสงฆ์ไม่ควรตีความ กฎหมายใส่ความคิดของตน แต่ควรยึดพระธรรมวินัย

บทความนี้มีประโยชน์กับพระพุทธศาสนา ขอเก็บไว้ใน blog นี้  เพื่อเป็นแบบแผนให้กับคนรุ่นหลังต่อไป  กราบขอบพระคุณอย่างสูง

...................................................................................................................................................................

“การสละสมณเพศตามกฎหมาย” ศาสตราจารย์พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ (ราชบัณฑิต)


กรณีที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงข่าว เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ส่งผลให้สังคมเข้าใจว่า การแถลงข่าวดังกล่าวเป็นมติของมหาเถรสมาคม “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสมือนได้ประกาศให้สังคมเข้าใจว่า พระสงฆ์ที่ถูกคุมขัง ได้ขาดจากความเป็นพระภิกษุไปแล้ว ตามผลของกฎหมายมาตรา ๒๙ และ มาตรา ๓๐ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ” ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง การตีความข้อกฎหมาย โดยใส่ความคิดเห็นของตนเข้าไปในข้อกฎหมาย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามหลักเจตนารมณ์ของกฎหมาย อาจส่งผลกระทบ เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง 
การให้พระภิกษุสละสมณเพศ ตามเจตนารมณ์ของมาตรา ๒๙ นั้น ต้องจัดการให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย โดยต้องมีเจตนาเปล่งวาจาลาสิกขาต่อหน้าผู้รู้ความ ตามแนวของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๗๘๒/๒๕๔๓ “การจะขาดจากความเป็นพระภิกษุ ตามมาตรา ๒๙ พระภิกษุรูปนั้น ต้องมีการกล่าวคำลาสิกขา”  
จากแนวคำพิพากษาศาลฎีกานี้ เป็นการยืนยันได้ว่า ถ้าไม่ได้จัดการลาสิกขาตามขั้นตอนพระธรรมวินัย โดยมีเจตนาเปล่งวาจาลาสิกขา ถือได้ว่า ไม่เป็นการสละสมณเพศ ตามมาตรานี้
แต่ปรากฎว่า พระสงฆ์วัดสระเกศ กับ วัดสามพระยา ไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา และในวันที่ต้องถูกคุมขัง ก็ปรากฎข้อเท็จจริงว่า “ไม่มีพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการให้มีพระสงฆ์รูปใด จากวัดใด มาจัดการดำเนินการให้สละสมณเพศ ทั้งไม่ปรากฏพยานเอกสาร และพยานบุคคล และไม่ปรากฎว่า มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรของพระภิกษุรูปที่มาดำเนินการ ให้สละสมณเพศ ที่จะต้องลงความเห็นว่า ท่านได้ลาสิกขาไปแล้ว”
ยังปรากฎข้อเท็จจริงอีกว่า “ในการนำสืบคดีต่อศาล มีการถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกปาก ตั้งแต่ตำรวจที่จับกุม ก็เบิกความต่อศาลว่า  “ขณะจับกุมยังเห็นท่านใส่จีวร” ตำรวจที่สอบสวน ก็เบิกความต่อศาล ว่า “ขณะที่สอบสวนก็ยังเห็นท่านใส่จีวร” ตำรวจทุกปากยืนยันตรงกันว่า ไม่ได้มีการจัดให้ท่านสละสมณเพศ ทั้งขณะส่งตัวไปศาล ก็ปรากฏต่อศาล ว่า “ท่านยังใส่จีวร” และขณะจะนำตัวท่านเข้าไปที่เรือนจำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ยังเห็นท่านใส่จีวรเช่นเดียวกัน
“จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้จัดให้มีการสละสมณเพศ ตามมาตรา ๒๙ ประกอบกับคำพิพาษาศาลฎีกาที่ ๖๗๘๒/๒๕๔๓ ที่ได้วางแนวทางปฏิบัติไว้”
เมื่อดำเนินการให้สละสมณเพศ ตามมาตรา ๒๙ แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของศาล ต้องรายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อศาล ตามมาตรา ๓๐ แต่ปรากฎข้อเท็จจริงในวันดังกล่าว ไม่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอำนาจตามกฎหมาย ได้รายงานเรื่องการสละสมณเพศให้ศาลทราบอีกด้วย
ทั้งนี้ องค์ประกอบการสละสมณเพศตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการให้ครบองค์ประกอบของมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ กล่าวคือ ท่านต้องมีเจตนาลาสิกขา และ ได้กล่าวคำลาสิกขา ตามมาตรา ๒๙ และ เจ้าหน้าตำรวจผู้มีอำนาจตามกฎหมายต้องรายงานต่อศาล ตามมาตรา ๓๐ ถ้าไม่ครบองค์ประกอบทั้งสองมาตรา ถือว่า ไม่เป็นไปตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้
ดังนั้น จึงเป็นการยืนยันทั้งทางข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พระธรรมวินัย และแนวทางปฏิบัติของคำพิพากษาศาลฎีกาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการดำเนินการให้ท่านสละสมณเพศ ตามที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติชี้แจงต่อสื่อมวลชน
ส่วนการถูกคุมขังและการใส่ชุดขาวนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมากล่าวอ้างว่า เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านขาดจากความเป็นพระไปแล้ว เพราะสาระสำคัญของความเป็นพระภิกษุจะสมบูรณ์หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่การถูกคุมขัง แต่อยู่ที่ ข้อวัตร ปฏิบัติ ของความเป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัย 
อนึ่ง ที่ต้องใส่ชุดขาว ก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของเรือนจำ ไม่ได้ทำให้ความเป็นพระภิกษุหมดไป เช่น เวลาพระสงฆ์อาพาธต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็ต้องถอดจีวรเพื่อใส่ชุดตามระเบียบของโรงพยาบาล เมื่อหายอาพาธแล้ว ก็กลับมาใส่จีวรเหมือนเดิม หรือ เมื่อมีโจรขโมยจีวรไป ก็สามารถใส่ชุดอื่นไปพลางก่อนได้
นอกจากนั้น ชาวไทยก็ทราบดีว่า การลาสิกขาของพระสงฆ์ไทย จะกล่าวคำลาสิกขาต่อหน้าพระภิกษุด้วยกันเท่านั้น จะไม่กล่าวคำลาสิกขาต่อหน้าฆราวาส ซึ่งผู้ที่เคยผ่านการบวชเรียนเขียนอ่านมา ก็ย่อมรู้ว่า ไม่ได้ลาสิกขาต่อหน้าฆราวาส แต่จะลาสิกขาต่อหน้าพระภิกษุสงฆ์ หรือพระอุปัชฌาย์ อาจารย์ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังได้อ้างถึง มาตรา ๒๘ ว่า “พระภิกษุรูปใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด” นั้น เป็นกรณีของพระภิกษุกับคดีล้มละลาย หรือพระภิกษุถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย กล่าวคือ พระภิกษุเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่สามารถใช้เงินคืนได้ จึงถูกลูกหนี้ฟ้องล้มละลาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องที่วัดสระเกศ และวัดสามพระยา ถูกกล่าวหา จึงไม่ควรนำมากล่าว จะเป็นการชี้นำให้สังคมเกิดความสับสน
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์ ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา ควรทบทวนบทบาท และหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อเป็นการรักษาพระธรรมวินัย และรักษาคณะสงฆ์ ให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสืบไป

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563

พิษของ COVID-19

พิษของ COVID-19
               อยู่กันดี ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้  ... มาโพสต์ว่า "  รณรงค์ให้ธรรมกายเปิดให้ใช้พื้นที่เป็นศูนย์ควบคุม COVID-19"
        เหตุผลเพราะว่าเนื้อที่กว้าง...มีพื้นที่รับรองคนได้มากกว่า1,000,000 คน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งด้านที่อยู่อาศัย อาหาร และโรงพยาบาล
              แนวคิดในการสร้างวัดพระธรรมกาย จุดประสงค์ของการสร้างวัด  สืบทอดตั้งแต่คุณยายอาจารย์ ...หลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตชีโว  คือ สร้างวัดให้เป็นวัด  สร้างพระให้เป็นพระ  สร้างคนให้เป็นคนดี 
              ส่วนเรื่องการใช้พื้นที่วัดพระธรรมกาย เป็นศูนย์ควบคุม COVID-19  นี่  น่าจะเกินความสามารถในการช่วยเหลือ เพราะเหตุผลที่ว่า 
         1.บุคคลากรที่อยู่ในวัดร่วมหมื่น  ถ้าเอาคนมีโรคมาควบคุม  ก็จะเป็นอันตรายกับคนที่อยู่ภายในวัดอยู่แล้ว  อาจจะทำให้ติดเชื้อโรคได้ 
         2.บุคคลากรทางด้านการแพทย์ แม้ขณะนี้ยังมีไม่เพียงพอที่จะดูแลบุคคลากรภายในองค์กร  เมื่อ
เจ็บป่วยยังต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง 
   

        ส่วนสถานที่จะใช้เป็นพื้นที่เป็นศูนย์ควบคุม COVID-19  ก็มีอยู่หลายที่ทั้งโรงพยาบาลและสถานที่ราชการ โดยเฉพาะโรงพยาบาลต่าง ๆ ควรมีการจัดให้มีสถานที่รองรับ ในการดูแล เป็นศูนย์ควบคุม  เฝ้าดูอาการของ COVID-19
         นอกจากนี้ ที่สนามบิน น่าจะมีการจัดโซนให้ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศพักดูอาการชั่วคราวด้วย  
          เพราะฉะนั้น การที่จะเอาวัดพระธรรมกาย มาเป็นศูนย์ควบคุม COVID-19   จึงไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง  ตามเหตุผลต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ 
           



วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562

มาสวดมนต์ข้ามปี 2563 กันเถอะ

มาสวดมนต์ข้ามปี 2563 กันเถอะ


             ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับ ปีใหม่   ต้อนรับศักราชชัย ปี 2563 ด้วยการ สวดมนต์ข้ามปี ในวันที่ 31 ธันวาคม นี้   มาสร้างความเป็นสิริมงคลของชีวิตให้กับตนเองและครอบครัว  โดยการชวนกันไปสวดมนต์ตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ    ใกล้วัดไหนไปวัดนั้นกัน
  

              ในที่นี้  จะขอแนะนำสถานที่ ที่คนไปสวดมนต์เป็นจำนวนมาก  เป็นประจำอยู่แล้ว  พอสังเขปดังนี้   


ท้องสนามหลวง


                 ร่วมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลชีวิต ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2562 – 1 มกราคม 2563 โดยมีกำหนดการดังนี้
18.00-20.00 น. : ชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมไทย
20.00-23.30 น. : สวดบทธัมมจักรกัปปวัตนสูตร
23.40 น. : พิธีถวายพระพรชัยมงคล
23.45-23.50 น. : สวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า
·       นะโม จบ
·       บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (อิติปิ โส ภะคะวา)
·       บทพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุง)
24.00 น. : จุดไฟพระฤกษ์(ไฟประทานจากสมเด็จพระสังฆราช)
·       ลั่นฆ้องชัย ครั้ง
·       บทชัยมงคลคาถา (ชยันโต)
07.00 น. : ทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล
 ........................................................

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม



               เชิญร่วมสวดมนต์ข้ามปี ทำความดี ต้อนรับศักราชใหม่ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 – 1 มกราคม 2563 โดยมีกำหนดการดังนี้
เวลา 19.00 น. ทำวัตรเย็นแปล ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร
เวลา 21.00 น. พิธีสืบชาตา เสริมชะตาราศี เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในศักราชใหม่
·       ประธานจุดเทียนชัย
·       ไหว้พระ/อาราธนาศีล/รับศีล/อาราธนาพระปริตร
·       เสดาะเคราะห์ เรียกขวัญ แบบล้านนา
·       ผู้เข้าร่วมพิธีทุกท่านนำด้ายสายสิญจน์ครอบศีรษะ
·       พระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ สวดสืบชาตา ตามประเพณีโบราณ
·       ถวายตุงมหาเศรษฐีรุ่งเรื่อง / พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนา
เวลา 23.00 น. อธิษฐานเปลี่ยนแปลงชีวิตต้อนรับศักราชใหม่ พิธีสวดมนต์ข้ามคืน
·       ประธานจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย
·       พระสงฆ์ ประชาชน ร่วมสวดมนต์
เวลา 00.01 น. ลั่นฆ้องชัย ต้อนรับศักราชใหม่
·       พระสงฆ์สวดบท ชัยยมงคลกถา ประพรมน้ำพระพุทธมนต์

 ...............................................................................

 วัดศรีสำราญราษฎร์บำรุง จ.สมุทรสาคร


               สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี ปีชวด ต้อนรับศักราชใหม่ 2563 ณ วัดศรีสำราญราษฎร์บำรุง ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมีกำหนดการดังนี้
– วันที่ 31 ธันวาคม 2562
เวลา 19:00 น. เป็นต้นไป เจริญพระพุทธมนต์ ณ อุโบสถ
– วันที่ มกราคม 2563
เวลา 07:45 น.เป็นต้นไป ร่วมทำบุญตักบาตรรับพรปีใหม่ ณ ศาลาการเปรียญ

....................................................

พระธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม



               ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมสวดมนต์ข้ามปี วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป ณ ลานด้านหน้าพระบรมธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม

…...................................................

 วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน


               เชิญร่วมสวดนพเคราะห์ ภาวนาใต้เสียงเทียน ฟังเทศน์บรรยาย ธรรมมาสน ร้องเพลงธรรมมะ สวดมนต์ข้ามปี รับพรและของขวัญปีใหม่ ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2562 – 1 ธันวาคม 2563 เริ่มเวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
               ภายในงานมีบริการอาหารเครื่องดื่มฟรี สำหรับทุกคนที่เดินทางมาร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี
…....................................

วัดสันต้นเปา ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

               เชิญร่วมสวดมนต์ข้ามปี และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สะเดาะห์ บูชานพเคราะห์แบบล้านนา เสริมบารมี หนุนดวง หนุนโชค ร่ำรวย รุ่งเรืองในวันขึ้นปีใหม่ 2563 ณ วัดสันต้นเปา ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป
....................................................



วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี

ต้อนรับศักราชใหม่ ปี 2563 

 ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2562 – 1 ม.ค. 2563 

               วัดพระธรรมกาย ขอเชิญชวนพุทธศาสนสนิกชน ร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ด้วยการถือศีล 8 ...สมาทานธุดงค์ ...สวดมนต์ ...ฟังธรรม ...นั่งสมาธิ ...สวดธรรมจักรให้ครบ 2,000 ล้านจบ ถวายเป็นพุทธบูชา ...ถวายอุปกรณ์ทำความสะอาดวัด ...และตักบาตรปีใหม่ เพื่อเป็นการต้อนรับศักราชใหม่ด้วยบุญกิริยาวัตถุ ประการ ได้แก่ ทาน ศีล ภาวนา และปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

               โดยเริ่มลงทะเบียนเข้าปฏิบัติธรรมได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 2ธ.ค. 2562 เวลา 08.30 น. ณ ห้อง SPD 8 สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย กิจกรรมมี ช่วง ได้แก่ 05.00-07.00น., 08.45-11.00 น., 13.00-16.00 น. และ 16.00-18.00 น.

              ในวันอังคารที่ 31 ธ.ค. 2562 เวลา 09.00-11.00 น. มีพิธีถวายอุปกรณ์ทำความสะอาดวัด ณ บ้านแก้วเรือนทองคุณยายและเวลา 18.00-00.09 น. พิธีสวดมนต์ข้ามปี ณ มหารัตนวิหารคด พระมหาธรรมกายเจดีย์

              ในเช้าวันพุธที่ ม.ค. 2563 เวลา 06.30-08.00 น. มีพิธีตักบาตรพระ 2,000 รูป ณ ลานธรรม พระมหาธรรมกายเจดีย์ เวลา 09.30 น. พิธีบูชาข้าวพระ    กิจกรรมดี ๆ มีให้เราสั่งสมบุญเริ่มตั้งแต่เปิดศักราชใหม่  เพราะฉะนั้น  อย่าพลาดโอกาสกันนะคะ    สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.02-831-1000










วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ มอบผู้แทนให้กำลังใจทีมพระธรรมจาริกห่มดอย


สมเด็จพระมหาธีราจารย์
มอบผู้แทนให้กำลังใจทีมพระธรรมจาริกห่มดอย

วันที่ 9 ธันวาคม 2562 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม เมตตามอบกัปปิยภัณฑ์ จำนวน 100,000 บาท และมอบหมายให้พระมงคลวชิรากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานาวา เลขานุการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม และพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ผู้ช่วยเลขานุการฯ

เดินทางไปร่วมมอบผ้าห่ม เสื้อผ้าเครื่องกันหนาว ยารักษาโรค แก่ผู้สูงอายุ ประชาชน เยาวชน จำนวน 500 ครอบครัว โดยมีพระเทพกิตติเวที เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ประธานคณะพระธรรมจาริก กรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม เป็นประธานมอบทุนการศึกษา และให้โอวาทแก่พระภิกษุสามเณรธรรมจาริก จำนวน 219 รูป ผู้มีจิตศรัทธาเดินธุดงค์ธรรมจาริกห่มดอย สงเคราะห์ธรรมนำธงธรรมสู่ดงดอย จากจังหวัดเชียงใหม่ ถึงจังหวัดตาก ณ อาศรมพระธรรมจาริกบ้านเชียงแก้ว อ.ท่าสองยาง จังหวัดตาก
เพื่อร่วมขับเคลื่อนประสานเครือข่ายตามแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ด้านการสาธารณสงเคราะห์ 2 โครงการเชิงยุทธศาสตร์ คือ 1.โครงการส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย 2.โครงการสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคม ตามแนวทางด้านสาธารณสงเคราะห์ 4.0 คือ “สงเคราะห์ เกื้อกูล พัฒนา บูรณาการ” (Cr.เฟซบุ๊กพระมหาวีรพล ธรรมะอารมณ์ดี)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการพระพระธรรมจาริกห่มดอยนั้นได้มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในเผยแพร่พระพุทธศาสนาบนพื้นที่สูงกับกลุ่มชาติพันธุ์ และมีการเผยแพร่กิจกรรมของโครงการโดย พระดร.อรุณเมธี พุทฺธิภัทโท หนึ่งในทีมงานธรรมะห่มดอย(เฟซบุ๊กพระดร.อรุณเมธี พ. พุทธิภัทโท) อย่างเช่นได้เปิดเผยเมื่อที่ 13 มี.ค.2561(https://www.banmuang.co.th/news/education/105316) ว่า โครงการพระธรรมจาริก ทีมงานธรรมะห่มดอย ได้จัดบรรพชาอุปสมบทศาสนทายาทบนดอย จำนวน 2,066 รูป หลักสูตรการอบรมต้องเรียนรู้ธรรมะ ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติต้องเดินธุดงค์ และธรรมยาตราไปโปรดพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และชาวเขาชนเผ่าต่างๆ ตามหมู่บ้านบนดอย เป็นการฝึกธรรมภาคปฏิบัติ
        ในปีนี้มีทีมงานพระธรรมจาริก(ธรรมะห่มดอย) ที่จัดบวชบนดอย ได้มาขอชุดกลดธุดงค์ ถุงย่ามสำหรับใส่สิ่งของ อัฏฐบริขาร สำหรับใช้ในการเดินธุดงค์ฝึกฝนตนเองและเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหมู่บ้านชาวเขา มีหลายดอยที่จัดบวชแล้วพาสามเณรออกเดินธุดงค์นับเดือนไปตามหมู่บ้านบนดอยหลายสิบหมู่บ้าน เห็นสามเณรแบกถุงปุ๋ยเดินสุดสงสาร ปีนี้จะพยายามหาถุงย่าม ชุดกลดธุดงค์ถวายแก่พระเณร จึงขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนราษฎรบนพื้นที่สูง จำนวน 2,066 รูปในครั้งนี้ โดยชุดบรรพชาสามเณรรูปละ 1,000 บาท อุปสมบทพระภิกษุรูปละ 2,500 บาท หรือตามกำลังศรัทธา” พระดร.อรุณเมธี กล่าวและว่า

ปลายเดือนมีนาคม-เดือนเมษายนนี้ พระอาจารย์และทีมงานธรรมะห่มดอยจะไปเดินธุดงค์ที่ประเทศเมียนมา เพื่อไปฝึกอบรมศาสนทายาทชนเผ่ากะเหรี่ยง ปีนี้จะนำพาพระภิกษุสามเณรชาวกะเหรี่ยงเมียนมาร์ จำนวน 269 รูป เดินเพื่อฝึกแนวทางธุดงควัตร และเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปตามหมู่บ้านต่างๆบนดอย ซึ่งทีมงานธรรมะห่มดอย โครงการพระธรรมจาริกได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี ปีนี้จะเป็นปีที่ 3 เพื่อขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาสู่จิตใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และฝึกอบรมศาสนทายาทมาช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอนาคต หากสักวันสิ้นรุ่นเราจะได้มีรุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลานช่วยกันขับเคลื่อนธรรมะของพระพุทธเจ้าไปในสถานที่ต่างๆ
พร้อมกันนี้ทีมงานธรรมะห่มดอยได้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็ฯเจ้าภาพสร้างพระพุทธรูปทองเหลือง หน้าตัก 5 นิ้ว 1,500 องค์ เพื่อมอบแก่พี่น้องชาวเขาบนดอยที่จะเข้ามานับถือพระพุทธศาสนา ตอนนี้มีเจ้าภาพแล้ว 991 องค์ ยังขาดอีก 509 องค์ สร้างพระพุทธรูปเป็นมหาบุญอันยิ่งใหญ่แก่ชีวิต เป็นพุทธานุสสติแก่เพื่อนมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย…ตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิด บุญนี้จะนำพาเราอยู่ใต้ร่มธรรมแห่งพระพุทธศาสนา เนื่องจากคณะพระธรรมจาริกได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาบนดอยตามหมู่บ้านของพี่น้องชาวเขาชนเผ่าต่างๆ เช่น กะเหรี่ยง ม้ง เย้า อาข่า ถิ่น ขมุ ลีซู ลาหู่ ปะหล่อง จีนฮ้อ ลั้วะ เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก link ข่าว....http://thebuddh.com/?p=44529


ชนะวิกฤต​ Covid-19 ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่

ชนะวิกฤต​ Covid-19   ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่       ช่วงนี้คงได้ข่าวเกี่ยวกับ รมต.สำนักนายก ได้เสนอให้มหาเถรสมาคม  ถ่ายท...