วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562

การถวายผลไม้ 
 ได้อานิสงส์ อย่างไร ...


            วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ   2562   ได้มีการปลูกทุเรียนก้านยาวทรัพย์เศรษฐี 179 ต้น  โดยขออนุญาตใช้พื้นที่ของมูลนิธิตะวันธรรม ประมาณ 8 ไร่ ณ บริเวณ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี  เป็นพื้นที่ด้านหลังวัดตะเคียนที่อยู่ใกล้กับวัดโบสถ์บน


              นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า

              "กิจกรรมในวันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ   2562) เป็นการปลูกทุเรียนพันธุ์ก้านยาว และไม้ผลอื่นๆ   เป็นการทำกิจกรรมของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และเครือข่ายชาวพุทธ ในรูปแบบเกษตรกรรมเชิงอนุรักษ์ ทั้งยังเป็นการรวมใจถวายกตัญญูบูชาแด่มหาปูชนียาจารย์ คือ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
        
                เนื่องจากที่ดินผืนนี้ ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับวัดโบสถ์บน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานแห่งการบรรลุธรรมของท่าน

               โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาพันธุ์ทุเรียนก้านยาวแท้ของจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาในทางวิชาการเกษตรฯ โดยผลิตผลที่ได้จากการปลูกทั้งหมด จะนำไปถวายพระภิกษุ-สามเณรตามวัดต่างๆ ในจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดใกล้เคียง

                คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และเครือข่ายชาวพุทธ ที่มีความประสงค์ร่วมกิจกรรมฯ ได้พร้อมใจกันร่วมปลูกต้นทุเรียน จำนวน 179 ต้น พร้อมทั้งได้ร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามศรัทธาในการปลูก การดูแลรักษา และการดำเนินการด้านต่างๆ จากนี้ไป  ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ต่อไป"

ฟังสัมภาษณ์คุณองอาจ ธรรมนิทรา เพิ่มเติม...
https://youtu.be/mVlEuWAcXYM






..........................................

                มาดูในสมัยพุทธกาลบ้าง ....การได้ถวายผลไม้แด่พระภิกษุสงฆ์  ได้อานิสงส์มากขนาดไหน.....


               สมัยนั้น พระเจ้าพิมพิสารเกิดความอยากจะเสวยผลมะม่วง ในเวลาที่มิใช่ฤดูมะม่วง. ท้าวเธอตรัสกะพนักงานเฝ้าสวนว่า พนายเอ๋ย ข้าเกิดอยากกินผลมะม่วงขึ้นมาแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าจงนำมะม่วงมาให้ข้าทีเถิด.

               เจ้าพนักงานกราบทูลว่า ข้าแต่เทวะ ขณะนี้มะม่วงทั้งหลายยังไม่มีผล พระเจ้าข้า แต่ถ้าหากพระองค์จะโปรดรอคอยชั่วเวลาสักเล็กน้อย ข้าพระบาทก็จะทำให้มันออกผลให้ได้ ไม่นานเลย พระเจ้าข้า.


               ตรัสว่า ดีสิ พนาย ลงมือทำอย่างนั้นเลย. พนักงานเฝ้าสวนก็ไปสวน เอาดินละเอียดที่โคนต้นมะม่วงออกไปแล้ว เกลี่ยดินละเอียดเช่นนั้นลงใหม่ รดน้ำลงตรงนั้นจนต้นมะม่วงสลัดใบ ไม่นานนัก ครั้นแล้วก็เอาดินละเอียดนั้นออกไป เกลี่ยดินละเอียดตามปกติ ผสมกับกากมะปรางแล้วใส่น้ำรสหวานลงไป.




               ครั้งนั้น ไม่นานเลย ต้นมะม่วงทั้งหลายก็ออกช่อตามกิ่ง ตูมแล้วก็บาน ออกผลดิบอ่อนแล้วก็แก่. ในต้นมะม่วงเหล่านั้น ต้นหนึ่งก็สุกก่อน ๔ ผล มีสีแดงเรื่อดังผงชาด มีกลิ่นรสหอมหวาน.

               พนักงานเฝ้าสวนนั้น ก็ถือผลมะม่วงเหล่านั้นเดินไปหมายจะถวายพระราชา ระหว่างทางพบท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังบิณฑบาต คิดว่า มะม่วงเหล่านี้เป็นผลไม้ชั้นยอด จำเราจักถวายพระผู้เป็นเจ้าเสียเถิด พระราชาจะทรงฆ่า หรือเนรเทศเราก็ตามที. เพราะว่า เมื่อเราถวายพระราชา ก็จะพึงมีผลเล็กน้อยเพียงค่าตอบแทนในปัจจุบัน แต่เมื่อเราถวายพระผู้เป็นเจ้าแล้ว จักมีผลไม่มีประมาณ ทั้งปัจจุบันทั้งภายหน้า.



               ครั้นคิดอย่างนี้แล้วก็ถวายผลมะม่วงเหล่านั้นแก่พระเถระ แล้วเข้าเฝ้า กราบทูลเรื่องนั้นถวายแด่พระราชา.


               พระราชาทรงสั่งราชบุรุษว่า พนาย พวกเจ้าจงสอบสวนอย่างที่บุรุษผู้นี้กล่าวก่อน.


               ส่วนพระเถระนำผลมะม่วงเหล่านั้นน้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.


               ในผลมะม่วงเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานแก่ท่านพระสารีบุตรผล ๑ ท่านพระมหาโมคคัลลานะผล ๑ ท่านพระมหากัสสปะผล ๑ เสวยเองผล ๑


               พวกราชบุรุษจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระราชา


               พระราชาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ทรงปลื้มพระทัยว่า บุรุษผู้นี้เป็นบัณฑิตที่ยอมสละชีวิตตนขวนขวายแต่บุญ และได้สร้างฐานความลำบากใจให้แก่ตนเอง แล้วพระราชทานบ้านส่วยตำบล ๑ และผ้าผ่อนเครื่องประดับเป็นต้นแก่เขาแล้วตรัสว่า พนาย เจ้าขวนขวายบุญด้วยการถวายผลมะม่วงเป็นทาน เจ้าจงให้ส่วนบุญจากทานนั้นแก่เราบ้างสิ.



               เขากราบทูลว่า ข้าแต่เทวะ ข้าพระบาทขอถวาย โปรดทรงรับส่วนบุญตามสมควรเถิด พระเจ้าข้า.


               ต่อมาพนักงานเฝ้าสวนก็ตายไปเกิดในเหล่าเทพชั้นดาวดึงส์ วิมานทอง ๑๖ โยชน์ ประดับด้วยห้องรโหฐาน ๗๐๐ ก็บังเกิดแก่เขา.


               ท่านพระมหาโมคคัลลานะพบเทพบุตรนั้นแล้วถามว่า


               วิมานเสาแก้วมณีนี้สูงขนาด ๑๖ โยชน์โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ โอฬาร ล้วนเสาแก้วไพฑูรย์ ปูลาดด้วยเครื่องลาดอันสวยงาม ท่านนั่งดื่มและกินอยู่ในวิมานนั้น พิณทิพย์บรรเลงไพเราะ เหล่าเทพกัญญาชั้นไตรทศ ๖๔,๐๐๐ ล้วนแต่ดี ผู้ชำนาญศิลป์พากันฟ้อนรำขับร้อง ทำความบันเทิงอย่างโอฬาร.


               ท่านบรรลุเทวฤทธิ์ แล้วมีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

               เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า


               บุคคลผู้มีใจเลื่อมใส ในท่านผู้ปฏิบัติตรง เมื่อถวายทานก็เป็นผู้ถวายผลไม้ ย่อมได้ผลอันไพบูลย์. แท้จริง ผู้ถวายผลไม้นั้นถึงสวรรค์แล้ว ก็บันเทิงในสวรรค์ชั้นไตรทิพย์ และเสวยผลบุญอันไพบูลย์.


               ข้าแต่ท่านมหามุนี ข้าพเจ้าก็อย่างนั้นเหมือนกัน ได้ถวายผลมะม่วง ๔ ผล.


               เพราะฉะนั้น มนุษย์ผู้ต้องการสุข หรือปรารถนาสุขทิพย์ หรือปรารถนาความสวยงามของมนุษย์ ก็ควรถวายผลไม้เป็นนิตย์ทีเดียว.


               เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.



...................................................

                เหล่าศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ก็เช่นเดียวกัน  มีความปรารถนา "บุญผลาทิพย์" นี้ โดยพร้อมใจกันปลูกทุเรียนก้านยาว   ดูแล  รักษา  อย่างดีที่สุด   เพื่อให้ได้ผลไม้ที่ดีที่สุด  ได้ถวายกับพระภิกษุ   สามเณร ได้ขบฉัน   อย่างนี้  ควรจะอนุโมทนาดีไหมจ้า ........
               


วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2562


....พระโดนเรื่องระฆังอีกแล้ว....

เราเข้าพรรษามาได้ 56 วันแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 36 วัน ก็จะออกพรรษาแล้ว พระสงฆ์ท่านทำกิจของสงฆ์ เพื่อหล่อหลอมให้ พระสงฆ์ที่บวชมาใหม่ในพระพุทธศาสนา ได้รู้ถึงข้อวัตร และข้อปฏิบัติ ที่ต้องทำในช่วงเข้าพรรษา เช่นการสวดมนต์ทำวัตรเย็นพร้อมกัน การลงอุโบสถ ฯลฯ แต่ ทำไม ??? คนอยู่ใกล้วัดจึงทนกันไม่ได้

จากเนื้อข่าว ....ที่ จังหวัดสมุทรสงคราม พระอนุศักดิ์ ฐิตธัมโม อายุ 54 ปี พรรษา 6 พระลูกวัดแม่น้ำ ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม แจ้งว่าถูกชาวบ้านข้างวัดต่อยเข้าที่ใบหน้า สาเหตุเกิดจากการตีระฆังทำวัตรเย็น โดยได้ตีระฆังในช่วงเข้าพรรษาเป็นประจำมาเป็นเวลา 6 ปีแล้วไม่เคยเกิดปัญหา

นายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสงครามได้ เดินทางเข้าพบพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยายามไกล่เกลี่ยให้วัดกับชาวบ้านอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยมีพระอนุศักดิ์และมารดาของนายพงพัฒน์ มาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฯลฯ เนื้อข่าวไปอ่านกันได้ตาม link ข่าวทั่ว ๆ ไป
            

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ขอความเมตตาสำนักพุทธ ช่วยจัดระเบียบการปลูกบ้านในวัด ....โดยดูว่า เป็นที่ดินโฉนดของวัด แล้วมาขอเช่าหรือเปล่า หรือเป็นที่ดินโฉนดของซื้อเองส่วนตัว ....วัดต้องให้มีอาณาบริเวณในการทำกิจของสงฆ์ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นของวัด ก็ควรเรียกคืนให้กับวัด จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นมาอีก

ฝากถึงสำนักพุทธศาสนาทุกจังหวัด เรื่องอย่างนี้ ควรรีบช่วยเหลือทุกวัด เพราะชาวบ้านที่ไปอาศัยอยู่ที่ดินของวัด มีจำนวนมาก ทำให้วัดขยายอาณาเขตไม่ได้ และยังทำให้พระทำงานยาก เพราะมีอิทธิพล บางวัดอาจจะโดนข่มขู่ก็มี สิ่งเหล่านี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบเดิม ๆ ต่อไปอีก หวังว่าสำนักพุทธจังหวัด รีบหามาตราการโดยเร็วในการแก้ปัญหา

ากชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด ...แล้วไม่เหลียวแลวัด แล้ววัดจะอยู่ได้อย่างไร คุณสมบัติของคนที่อยู่ใกล้วัด ควรเป็นพุทธศาสนิกชน ที่ช่วยดูแลและปกป้องวัดได้ เมื่อยามมีภัย ต้องมีธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า วัดมีอะไรให้ช่วยก็ต้องช่วยเหลือ สามารถพึ่งพาและช่วยเหลือกันได้
              วอนสังคมให้เข้าใจพระ  การตีระฆังด้วยไม้ไผ่ คิดว่ามันจะดังไม่มากเหมือนติดลำโพง  และเป็นช่วง 5 โมงเย็น  ซึ่งยังไม่ใช่เวลาหลับนอนของคนส่วนใหญ่  แต่มีปัญหากับคนกลุ่ม น้อย    

               คุณแม่บอกว่าลูกยังเด็ก  (อายุ 29 ) ทำร้ายพระ แล้วยังขู่ว่ามีปืนอีก   ...อย่างนี้ไม่เด็กแล้ว   ให้คุณแม่ลองคิดดูว่า ...ควรทำอย่างไร ....บ้านคุณแม่สร้างก่อนวัด....หรือวัดสร้างก่อนบ้านคุณแม่....   ลองคิดดู    ....แล้วกระทำในสิ่งที่เหมาะสม จะได้ไม่ต้องสร้างเวรกับพระสงฆ์  ซึ่งเป็นกรรมหนักเพราะพระสงฆ์ มีศีล 227 ข้อ  และเป็นช่วงกำลังถือศีลและจำพรรษา  จะบาปหนักขนาดไหน ... คิดดู.....

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2562

ภาพพระพุทธรูปอุลตร้าแมน

                  จากกระแสข่าวที่โด่งดังในขณะนี้ กรณีนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 4 ภาพวาดพระพุทธรูป อุลตร้าแมน แล้วถูกนำไปจัดแสดงที่ศูนย์การค้าในจ.นครราชสีมา  ทำให้มีผู้แสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม ลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธศาสนา ต่อมา ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วย รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พานักศึกษาผู้วาด เข้ากราบขอขมาต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถ ที่วัดบึงพระอารามหลวง  พร้อมกราบขอขมาต่อเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา โดยระบุ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ 


                  ขณะนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารย์ ในหลายแง่ หลายมุมมอง    ในฐานะที่เป็นคนหนึ่ง ที่นับถือพระพุทธศาสนา    ซึ่งมีความเคารพในพระพุทธ  พระธรรม และพระสงฆ์  อย่างสูงสุด  เท่าที่ทราบ หรือได้ศึกษามาบ้าง  ทำให้สรุปถึงความเส่ื่อมสลายของพระพุทธศาสนานั้น  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ  พุทธศาสนิกชน ขาดความเคารพ  ในพระรัตนตรัย  

               กรณีของน้องนักศึกษา  น้องนักศึกษา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงไม่ใช่เรื่อง ผิด หรือ ถูก แต่  เป็นเรื่องของความเหมาะสม และความควร  หรือความไม่ควร  มากกว่า   พระพุทธรูป  เป็นรูปองค์แทนของพระพุทธเจ้า  เป็นที่เคารพ ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมานานถึง 2500 กว่าปี    ถ้าได้ศึกษามาบ้างในพระไตรปิฎก  ทำให้ทราบว่าพระพุทธเจ้า 1 พระองค์  นั้น  ท่านต้องสั่งสมบารมีมาหลายภพหลายชาติ บางพระองค์ 20 อสงไขย แสนมหากัป  บางพระองค์ 40 อสงไขย กับแสนมหากัป  บางพระองค์ 80 อสงไขย แสนมหากัป  ซึ่งยาวนานมาก  

              พระองค์บำเพ็ญบารมีมาเต็มเปี่ยม ทั้ง 30 ทัศ  ทั้งทานบารมี ...ศีลบารมี ...เนกขัมมบารมี...ปัญญาบารมี ...วิริยบารมี ...ขันติบารมี ... ..สัจจบารมี  ...อธิษฐานบารมี ...เมตตาบารมี ...อุเบกขาบารมี   มีความสะอาดบริสุทธิ์  หมดจดจากกิเลส เครื่่องเศร้าหมองทั้งหลาย ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง   มีพระบริสุทธิคุณ ... พระมหากรุณาคุณ...  และพระปัญญาคุณ 


                คุณวิเศษของพระพุทธองค์ ไม่สามารถอธิบายได้หมดในเวลาอันสั้นนี้    การที่ น้องนักศึกษาเอาอุลตร้าแมนมาเทียบกับพระพุทธเจ้า  นั้น  พี่กิ๊กก๊อก เห็นว่า  ไม่สมควรอย่างยิ่ง แม้จะได้รับคำยืนยันจากผู้หลักผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านว่าเป็นการแสดงความคิดสร้างสรร ก็ตาม แต่อุลตร้าแมนเป็นการ์ตูน ที่สมมุติขึ้น หากเอามาเทียบกันอย่างนี้ คนรุ่นหลัง ๆ จะคิดว่า เรื่องพระพุทธเจ้าก็คงเป็นแค่การ์ตูน ที่เขาสมมุติขึ้น เท่านั้น ไม่ได้มีคุณวิเศษอะไรเลย ซึ่งเท่ากับว่า ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าได้
                 ศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธา  การเอารูปเคารพสูงสุดของศาสนามาเปรียบเทียบกับการ์ตูน   เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง   อยากจะยกตัวอย่างของชฎิลเศรษฐี  ชาติหนึ่ง  ได้กล่าวจาบจ้วงพระศาสดา แค่คำพูดคำเดียว  ทำให้ต้องถูกทิ้งแม่น้ำตลอด 1 พุทธันดร...เรื่องมีอยู่ว่า ....

           ย้อนไปเมื่อหนึ่งพุทธันดรที่ผ่านมา ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งนั้น ชฎิลเศรษฐีมีอาชีพเป็นช่างทอง ภายหลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว มหาชนได้ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ทองคำเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เจดีย์นั้นมีความสูง 1 โยชน์  ใช้น้ำมันแทนน้ำ แล้วก่อด้วยอิฐทองคำ มหาชนทั้งหลายต่างช่วยกันสร้างพระเจดีย์อย่างเต็มที่เต็มกำลัง แต่ทองคำยังไม่เพียงพอ 

            เมื่อพระอรหันต์องค์หนึ่งทราบข่าว ท่านจึงอาสานำข่าวบุญไปแจ้งแก่ชาวเมือง ท่านเดินแจ้งข่าวให้ชาวเมืองทราบโดยทั่วกันว่า ทองคำไม่พอสร้างเจดีย์ เมื่อเดินไปถึงบ้านนายช่างทอง ท่านก็แวะแจ้งข่าวให้นายช่างทองทราบว่า  ปรากฏว่าขณะนั้น นายช่างทองกำลังทะเลาะกับภรรยาอารมณ์ไม่ดี จึงตวาดออกไปว่า “ท่านจงโยนพระศาสดาของท่านลงในน้ำ แล้วจงไปเสีย” ภรรยาของเขาตกใจมาก กล่าวว่า “ท่านทำกรรมหนักเสียแล้ว ท่านโกรธดิฉัน ก็ควรจะด่าหรือเฆี่ยนตีดิฉัน เหตุไฉนท่านจึงสร้างเวรกับพระพุทธเจ้า

        เมื่อนายช่างทองได้ยินคำพูดของภรรยา ก็ได้สติสำนึกผิด และเกิดความร้อนใจในการกระทำของตน เขาจึงเข้าไปขอขมาพระอรหันต์ แต่พระอรหันต์กล่าวว่า “ท่านไม่ได้ล่วงเกินอาตมาเลย ท่านล่วงเกินพระบรมศาสดาต่างหาก ท่านจงขอให้พระศาสดายกโทษให้เองเถิด” พร้อมทั้งแนะนำให้นายช่างทองทำหม้อดอกไม้ทองคำ 3 ใบ บรรจุไว้ภายในพระเจดีย์ แล้วไปกราบขอขมาพระศาสดาต่อหน้ามหาเจดีย์ กรรมหนักจะได้กลายเป็นเบา 

          นายช่างทองตัดสินใจที่จะทำตามคำแนะนำของพระอรหันต์ แล้วไปกราบขอขมาพระบรมศาสดา น้อมระลึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระพุทธองค์ ณ เบื้องหน้าพระเจดีย์นั้น
            ด้วยวิบากกรรมที่กล่าวคำดูหมิ่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้นายช่างทองถูกทิ้งลงแม่น้ำมาแล้วถึง 7 อัตภาพ ตลอด 1 พุทธันดร และด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(บุคคลบริสุทธิ์) ด้วยหม้อดอกไม้ทองคำที่ล้ำค่าและวิจิตรงดงาม(วัตถุบริสุทธิ์) เพื่อกราบขอขมาและระลึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(เจตนาบริสุทธิ์) ทำให้ภูเขาทองคำสูง 80 ศอก บังเกิดขึ้นสำหรับช่างทองด้วยอำนาจบุญ และถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก เป็นตำนานแห่งความดีสืบต่อกันมาจนกระทั่งปัจจุบัน

              ท้ายสุดนี้  อยากฝากเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุก ๆ คนว่า  อย่าได้ดูเบาในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธ  พระธรรมและพระสงฆ์  การกระทำต่อพระรัตนตรัยนี้  ผลกรรมอาจจะยังไม่เห็นผลในทันที แต่เป็นวิบากกรรมหนักและรุนแรง เพราะฉะนั้นอย่าดึงเอาพระรัตนตรัย อันเป็นของสูงที่คนเขา   เคารพ  กราบไหว้และบูชา  มาให้ตกต่ำ  มันไม่คุ้มกัน
        

ชนะวิกฤต​ Covid-19 ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่

ชนะวิกฤต​ Covid-19   ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่       ช่วงนี้คงได้ข่าวเกี่ยวกับ รมต.สำนักนายก ได้เสนอให้มหาเถรสมาคม  ถ่ายท...