...ทำไม...??
ธรณีสูบ...พระเจ้าสุปปพุทธะ
วันนี้กุ๊งกิ๊งจะมาเล่า case study เรื่องของบุคคลที่...มาสว่าง ... แต่กลับไปมืด คือ เกิดมามีตำแหน่งสูงส่ง เป็นถึงกษัตริย์ แต่เนื่องจากไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ไม่เชื่ออานุภาพของพระพุทธเจ้า ได้ทำกรรมหนักกับพระพุทธองค์ ...อีกทั้งมีความแค้น 2 เรื่อง คือ พระเทวทัต ต้องถูกธรณีสูบ และพระนางพิมพา เป็นหม้าย ด้วยเหตุนี้ จึงคิดทำกรรมอันไม่สมควร กับพระพุทธองค์ ผลกรรมจึงหนักมาก เพราะฉะนั้นกฏแห่งกรรม เป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ควรศึกษาไว้ติดขาติดแข้งไว้บ้าง ก็จะไม่ขาดทุนที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในชาตินี้
บุคคลที่ทำกรรมหนัก จนถูกธรณีสูบ ในสมัยพุทธกาล มี อยู่ 5 คนด้วยกัน คือ พระเทวทัต... พระเจ้าสุปปพุทธะ ...นันทมาณพ...นันทยักษ์...และนางจิญจมานวิกา ในวันนี้จะนำเรื่องพระเจ้าสุปปพุทธะ มาเล่าให้ดูว่า พระเจ้าสุปปพุทธะทำอะไรมาบ้าง ธรณีถึงต้องสูบลงอเวจีมหานรก....
พระเจ้าสุปปพุทธะ เป็นกษัตริย์แคว้นโกลิยะ เป็นพ่อของเจ้าชายเทวทัต และพระนางยโสธรา หรือ พิมพา เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบลงมหาอเวจีนรก ก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาเป็นม่าย มีความผูกอาฆาตในพระศาสดา ด้วยเหตุ ๒ ประการนี้
บุคคลที่ทำกรรมหนัก จนถูกธรณีสูบ ในสมัยพุทธกาล มี อยู่ 5 คนด้วยกัน คือ พระเทวทัต... พระเจ้าสุปปพุทธะ ...นันทมาณพ...นันทยักษ์...และนางจิญจมานวิกา ในวันนี้จะนำเรื่องพระเจ้าสุปปพุทธะ มาเล่าให้ดูว่า พระเจ้าสุปปพุทธะทำอะไรมาบ้าง ธรณีถึงต้องสูบลงอเวจีมหานรก....
พระเจ้าสุปปพุทธะ เป็นกษัตริย์แคว้นโกลิยะ เป็นพ่อของเจ้าชายเทวทัต และพระนางยโสธรา หรือ พิมพา เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบลงมหาอเวจีนรก ก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาเป็นม่าย มีความผูกอาฆาตในพระศาสดา ด้วยเหตุ ๒ ประการนี้
วันหนึ่งทรงดำริว่า
" เราจักไม่ให้พระสมณโคดม ไปฉันยังสถานที่นิมนต์" จึงปิดทางเป็นที่เสด็จไป
นั่งเสวยน้ำจัณฑ์ในระหว่างทางที่พระศาสดาทรงเสด็จผ่าน พร้อมภิกษุสงฆ์มาในที่นั้น พวกมหาดเล็กได้ทูลว่า
"พระศาสดาเสด็จมาแล้ว." จึงบอกให้มหาดเล็กไปล่วงหน้าก่อน และให้บอกว่า
‘พระสมณโคดมองค์นี้ ไม่ได้ใหญ่กว่าเรา’ เราจักไม่ให้ทางแก่พระสมณโคดมนั้น"
แม้พวกมหาดเล็กทูลเตือน
ก็คงประทับนั่งรับสั่งอย่างนั้น
พระศาสดาไม่ได้หนทางจากสำนักของพระมาตุละ (ลุง)
แล้วจึงเสด็จกลับจากที่นั้น. ทำให้พระองค์ไม่ได้เสวยพระกระยาหารในวันนั้น พระเจ้าสุปปพุทธได้ส่งคนสอดแนม ให้ไปฟังคำของพระศาสดา
แล้วให้กลับมาบอก
พระศาสดา
ทรงทำการแย้มพระโอฐ พระอานนทเถระทูลถาม...พระองค์ตรัสว่า "อานนท์
เธอเห็นเจ้าสุปปพุทธะไหม?" พระอานนทเถระทูลว่า
"เห็น พระเจ้าข้า."
พระศาสดาตรัสว่า
"เจ้าสุปปพุทธะนั้นไม่ให้ทางแก่พระพุทธเจ้าผู้เช่นเรา ทำกรรมหนักแล้ว,
ในวันที่ ๗ แต่วันนี้ ท้าวเธอจักเข้าไปสู่แผ่นดิน (ธรณีสูบ) ณ
ที่ใกล้เชิงบันได ในภายใต้ปราสาท." คนสอดแนมได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว
ไปสู่สำนักของเจ้าสุปปพุทธะๆ กราบทูลตามที่ตนได้ยินแล้ว. เมื่อเจ้าสุปพุทธะฟังแล้ว
ตรัสว่า
"บัดนี้ โทษในการพูด (ผิด) แห่งหลานของเราย่อมไม่มี เธอตรัสคำใด
คำนั้นต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทีเดียว, แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น คราวนี้
เราจักจับผิดเธอด้วยการพูดเท็จ
ตั้งแต่วันนี้ไป เราจักไม่ไปสู่ที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น
เราไม่ถูกธรณีสูบในที่นั้นแล้ว จักข่มขี่เธอด้วยการพูดเท็จ.
ทรงรับสั่งให้พวกมหาดเล็กขนเครื่องใช้สอยของพระองค์ออกทั้งหมดไว้บนปราสาท
๗ ชั้น ให้ชักบันได ปิดประตู ตั้งคนแข็งแรงประจำไว้ที่ประตู ประตูละ ๒ คน ตรัสว่า
"ถ้าเราจะลงไปข้างล่างโดยความประมาท พวกเจ้าต้องห้ามเราเสีย" แล้วประทับนั่งในห้องอันเป็นสิริบนพื้นปราสาทชั้นที่
๗.
ในวันที่ ๗ ในเวลาเดียวกับเวลาที่เจ้าสุปปพุทธะปิดหนทางภิกษาจารของพระศาสดา
ม้ามงคลของเจ้าสุปปพุทธะในภายใต้ปราสาทคึกคะนอง กระแทกฝาเสียงดัง ท้าวเธอได้สดับเสียงของม้านั้น จึงตรัสถามว่า
"นั่นอะไรกัน?" พวกมหาดเล็กทูลว่า
"ม้ามงคลคะนอง." ส่วนม้านั้น พอเห็นเจ้าสุปปพุทธะ ก็หยุดนิ่ง.
ขณะนั้น
ท้าวเธอมีพระประสงค์จะจับม้านั้น ได้เสด็จลุกจากที่ประทับบ่ายพระพักตร์มาทางประตู.
ประตูทั้งหลายเปิดเองทีเดียว บันไดตั้งอยู่ในที่ของตนตามเดิม คนแข็งแรงผู้ยืนอยู่ที่ประตูจับท้าวเธอที่พระศอ
ผลักให้มีพระพักตร์คะมำลงไป. ท้าวเธอถูกแผ่นดินสูบไปเกิดในอเวจีนรก ขณะนั้น
มหาปฐพีแตกแยกออกคอยรับเจ้าสุปปพุทธะนั้นผู้ถึงที่ใกล้เชิงบันไดที่ภายใต้ปราสาทนั่นเอง,
ท้าวเธอไปบังเกิดในอเวจีนรกทันที
พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว
ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย
เจ้าสุปปพุทธะมิใช่จะนั่งบนพื้นปราสาทอย่างเดียว ต่อให้เหาะขึ้นไปสู่เวหาส
นั่งในอากาศก็ตาม ไปสู่สมุทรด้วยเรือก็ตาม เข้าซอกเขาก็ตาม, ธรรมดาพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะเป็นสองไม่มี,
ท้าวเธอจักถูกธรณีสูบในสถานที่เราพูดไว้นั่นแหละ" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม
จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
น อนฺตลิกฺเข น
สมุทฺทมชฺเฌ น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสํ
น วิชฺชตี โส
ชคติปฺปเทโส ยตฺรฏฺฐิตํ
นปฺปสเหยฺย มจฺจุ.
บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้
หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้,
หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร
ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้, หนีไปสู่ซอก
ภูเขา
ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ (เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่ง
แผ่นดินใด ความตายพึงครอบงำไม่ได้ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น
หามีอยู่ไม่.
เรื่องเจ้าสุปปพุทธศากยะ
จบ
ปาปวรรควรรณนา
จบ
วรรคที่
๙ จบ.
................................................
................................................
กุ๊งกิ๊ง คิดว่า เรื่องกฏแห่งกรรม ควรเชื่อไว้บ้าง เพราะเป็นเรื่องหลังความตาย ไม่มีใครมาบอกได้ เราจะรู้เมื่อตายไปแล้ว ไม่มีโอกาสกลับมาแก้ตัวอีก นอกจากผู้ที่นั่งสมาธิ จนมีญาณหยั่งรู้ สามารถรู้ เห็นได้ด้วยตาธรรมกาย หรือตาทิพย์ เพราะฉะนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เชื่อ...ไว้สักครึ่งหนึ่งก่อนก็ยังดี หากมีจริง เรายังมีความดีครึ่งหนึ่งช่วยไม่ให้ตกนรกลึก หรือจะเชื่อ...ทั้งหมดก็ยิ่งดี จากเรื่องนี้ หากเจ้าสุปปพุทธะรู้เท่าทันกฏแห่งกรรม ก็จะไม่พลาดพลั้ง ไปตกนรกอเวจีอย่างนี้แน่นอน
#ธรรมะดีดี #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์ #คนจริง #รักจริง #จริงใจ #กรรม #กุ๊งกิ๊ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น