วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


...ทำไม...??  
ธรณีสูบ...พระเจ้าสุปปพุทธะ

                       
        วันนี้กุ๊งกิ๊งจะมาเล่า case study  เรื่องของบุคคลที่...มาสว่าง ... แต่กลับไปมืด  คือ เกิดมามีตำแหน่งสูงส่ง เป็นถึงกษัตริย์  แต่เนื่องจากไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม  ไม่เชื่ออานุภาพของพระพุทธเจ้า  ได้ทำกรรมหนักกับพระพุทธองค์ ...อีกทั้งมีความแค้น 2 เรื่อง คือ พระเทวทัต ต้องถูกธรณีสูบ  และพระนางพิมพา เป็นหม้าย  ด้วยเหตุนี้ จึงคิดทำกรรมอันไม่สมควร กับพระพุทธองค์ ผลกรรมจึงหนักมาก เพราะฉะนั้นกฏแห่งกรรม  เป็นเรื่องที่สำคัญ  ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร  แต่ควรศึกษาไว้ติดขาติดแข้งไว้บ้าง ก็จะไม่ขาดทุนที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในชาตินี้ 
   
         บุคคลที่ทำกรรมหนัก จนถูกธรณีสูบ  ในสมัยพุทธกาล มี อยู่ 5 คนด้วยกัน  คือ พระเทวทัต... พระเจ้าสุปปพุทธะ ...นันทมาณพ...นันทยักษ์...และนางจิญจมานวิกา   ในวันนี้จะนำเรื่องพระเจ้าสุปปพุทธะ  มาเล่าให้ดูว่า พระเจ้าสุปปพุทธะทำอะไรมาบ้าง  ธรณีถึงต้องสูบลงอเวจีมหานรก....

                        พระเจ้าสุปปพุทธะ เป็นกษัตริย์แคว้นโกลิยะ เป็นพ่อของเจ้าชายเทวทัต     และพระนางยโสธรา หรือ พิมพา    เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบลงมหาอเวจีนรก  ก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ   พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาเป็นม่าย มีความผูกอาฆาตในพระศาสดา ด้วยเหตุ ๒ ประการนี้

                           วันหนึ่งทรงดำริว่า " เราจักไม่ให้พระสมณโคดม ไปฉันยังสถานที่นิมนต์"  จึงปิดทางเป็นที่เสด็จไป นั่งเสวยน้ำจัณฑ์ในระหว่างทางที่พระศาสดาทรงเสด็จผ่าน  พร้อมภิกษุสงฆ์มาในที่นั้น พวกมหาดเล็กได้ทูลว่า "พระศาสดาเสด็จมาแล้ว." จึงบอกให้มหาดเล็กไปล่วงหน้าก่อน และให้บอกว่า ‘พระสมณโคดมองค์นี้ ไม่ได้ใหญ่กว่าเรา’ เราจักไม่ให้ทางแก่พระสมณโคดมนั้น"

                             แม้พวกมหาดเล็กทูลเตือน ก็คงประทับนั่งรับสั่งอย่างนั้น      พระศาสดาไม่ได้หนทางจากสำนักของพระมาตุละ (ลุง) แล้วจึงเสด็จกลับจากที่นั้น. ทำให้พระองค์ไม่ได้เสวยพระกระยาหารในวันนั้น  พระเจ้าสุปปพุทธได้ส่งคนสอดแนม ให้ไปฟังคำของพระศาสดา แล้วให้กลับมาบอก

                             พระศาสดา ทรงทำการแย้มพระโอฐ พระอานนทเถระทูลถาม...พระองค์ตรัสว่า "อานนท์ เธอเห็นเจ้าสุปปพุทธะไหม?"   พระอานนทเถระทูลว่า "เห็น พระเจ้าข้า."

                             พระศาสดาตรัสว่า "เจ้าสุปปพุทธะนั้นไม่ให้ทางแก่พระพุทธเจ้าผู้เช่นเรา ทำกรรมหนักแล้ว, ในวันที่ ๗ แต่วันนี้ ท้าวเธอจักเข้าไปสู่แผ่นดิน (ธรณีสูบ) ณ ที่ใกล้เชิงบันได ในภายใต้ปราสาท."  คนสอดแนมได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ไปสู่สำนักของเจ้าสุปปพุทธะๆ กราบทูลตามที่ตนได้ยินแล้ว. เมื่อเจ้าสุปพุทธะฟังแล้ว  ตรัสว่า     "บัดนี้ โทษในการพูด (ผิด) แห่งหลานของเราย่อมไม่มี เธอตรัสคำใด คำนั้นต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทีเดียว, แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น คราวนี้ เราจักจับผิดเธอด้วยการพูดเท็จ     ตั้งแต่วันนี้ไป เราจักไม่ไปสู่ที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราไม่ถูกธรณีสูบในที่นั้นแล้ว จักข่มขี่เธอด้วยการพูดเท็จ.

        ทรงรับสั่งให้พวกมหาดเล็กขนเครื่องใช้สอยของพระองค์ออกทั้งหมดไว้บนปราสาท ๗ ชั้น ให้ชักบันได ปิดประตู ตั้งคนแข็งแรงประจำไว้ที่ประตู ประตูละ ๒ คน ตรัสว่า "ถ้าเราจะลงไปข้างล่างโดยความประมาท พวกเจ้าต้องห้ามเราเสีย" แล้วประทับนั่งในห้องอันเป็นสิริบนพื้นปราสาทชั้นที่ ๗.

           ในวันที่ ๗ ในเวลาเดียวกับเวลาที่เจ้าสุปปพุทธะปิดหนทางภิกษาจารของพระศาสดา ม้ามงคลของเจ้าสุปปพุทธะในภายใต้ปราสาทคึกคะนอง กระแทกฝาเสียงดัง   ท้าวเธอได้สดับเสียงของม้านั้น จึงตรัสถามว่า "นั่นอะไรกัน?"                พวกมหาดเล็กทูลว่า "ม้ามงคลคะนอง." ส่วนม้านั้น พอเห็นเจ้าสุปปพุทธะ ก็หยุดนิ่ง.

                             ขณะนั้น ท้าวเธอมีพระประสงค์จะจับม้านั้น ได้เสด็จลุกจากที่ประทับบ่ายพระพักตร์มาทางประตู. ประตูทั้งหลายเปิดเองทีเดียว บันไดตั้งอยู่ในที่ของตนตามเดิม คนแข็งแรงผู้ยืนอยู่ที่ประตูจับท้าวเธอที่พระศอ ผลักให้มีพระพักตร์คะมำลงไป.     ท้าวเธอถูกแผ่นดินสูบไปเกิดในอเวจีนรก    ขณะนั้น มหาปฐพีแตกแยกออกคอยรับเจ้าสุปปพุทธะนั้นผู้ถึงที่ใกล้เชิงบันไดที่ภายใต้ปราสาทนั่นเอง, ท้าวเธอไปบังเกิดในอเวจีนรกทันที

                             พระศาสดาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ตรัสว่า     "ภิกษุทั้งหลาย เจ้าสุปปพุทธะมิใช่จะนั่งบนพื้นปราสาทอย่างเดียว ต่อให้เหาะขึ้นไปสู่เวหาส นั่งในอากาศก็ตาม ไปสู่สมุทรด้วยเรือก็ตาม เข้าซอกเขาก็ตาม,  ธรรมดาพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะเป็นสองไม่มี,        ท้าวเธอจักถูกธรณีสูบในสถานที่เราพูดไว้นั่นแหละ"   เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-

                             น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ               น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสํ
                             น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส        ยตฺรฏฺฐิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจุ.
                             บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้,
                             หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้, หนีไปสู่ซอก
                             ภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้ (เพราะ) เขาอยู่แล้วในประเทศแห่ง
                             แผ่นดินใด ความตายพึงครอบงำไม่ได้ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่.


เรื่องเจ้าสุปปพุทธศากยะ จบ
ปาปวรรควรรณนา จบ
วรรคที่ ๙ จบ.

................................................
                  กุ๊งกิ๊ง คิดว่า เรื่องกฏแห่งกรรม ควรเชื่อไว้บ้าง เพราะเป็นเรื่องหลังความตาย  ไม่มีใครมาบอกได้ เราจะรู้เมื่อตายไปแล้ว  ไม่มีโอกาสกลับมาแก้ตัวอีก  นอกจากผู้ที่นั่งสมาธิ จนมีญาณหยั่งรู้  สามารถรู้ เห็นได้ด้วยตาธรรมกาย  หรือตาทิพย์  เพราะฉะนั้น ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า  เชื่อ...ไว้สักครึ่งหนึ่งก่อนก็ยังดี  หากมีจริง เรายังมีความดีครึ่งหนึ่งช่วยไม่ให้ตกนรกลึก  หรือจะเชื่อ...ทั้งหมดก็ยิ่งดี  จากเรื่องนี้  หากเจ้าสุปปพุทธะรู้เท่าทันกฏแห่งกรรม   ก็จะไม่พลาดพลั้ง  ไปตกนรกอเวจีอย่างนี้แน่นอน 

#ธรรมะดีดี  #ข้อคิด #สาระดีดี #มีประโยชน์  #คนจริง #รักจริง  #จริงใจ #กรรม #กุ๊งกิ๊ง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ชนะวิกฤต​ Covid-19 ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่

ชนะวิกฤต​ Covid-19   ด้วยการสวดมนต์เป็นไปได้จริงหรือไม่       ช่วงนี้คงได้ข่าวเกี่ยวกับ รมต.สำนักนายก ได้เสนอให้มหาเถรสมาคม  ถ่ายท...